ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยวินาทีสุดช็อก ตาวัย 62 ขับกระบะมารับหลาน ขณะเลี้ยวเข้าประตูโรงเรียน เด็กนักเรียน ป.1 วัย 7 ขวบ "วิ่งตัดหน้ารถ" ก่อนพลาดท่าหกล้ม ล้อทับหัวดับ
6 ก.พ. 2567 เหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.05 น. วานนี้ (5 ก.พ. 2567) ที่บริเวณประตูทางเข้า โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเลิกเรียน ขณะที่ผู้ปกครองหลายคน กำลังเดินทางเข้ามารับลูกหลานเพื่อกลับบ้าน
มีผู้ปกครองรายหนึ่ง ขับรถยนต์กระบะ มาสด้า 4 ประตู สีบรอนซ์เทา กำลังเลี้ยวรถผ่านประตูของโรงเรียน ได้มี นร.ชาย ชั้น ป.1 วัย 7 ขวบ วิ่งข้ามฝั่งจากลานจอดรถไปอีกฝั่ง โดยไม่ทันระวังตัว และได้มองรถที่กำลังวิ่งเข้ามาในโรงเรียน จึงทำให้ นร.ป.1 เสียหลักล้มลงกับพื้น และศีรษะได้เข้าไปอยู่บริเวณล้อหน้าของรถ จนถูกทับศีรษะเสียชีวิตคาที่
เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความตกใจให้กับคุณครู เพื่อนนักเรียน และผู้ปกครอง ที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ขับขี่รถกระบะคู่กรณี ทราบชื่อคนขับคือ นายสม (นามสมมติ) วัย 62 ปี หลังเกิดเหตุ ไม่ได้หลบหนีไปไหน และได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ที่เกิดเหตุ
นายสม (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองขับรถกระบะเข้ามาภายในโรงเรียน เพื่อมารับหลาน โดยขณะที่เลี้ยวรถเข้ามาปกติ และวิ่งไม่เร็ว สังเกตเห็นทางด้านขวา มีรถกระบะของผู้ปกครองกำลังต่อแถวออกจากโรงเรียน ส่วนตนเองก็ขับรถเข้าโรงเรียนไปตามปกติ
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงรถข้างๆ บีบแตร ด้วยความที่รถกระบะที่ขับมามักสูง จึงมองไม่เห็นเด็ก กระทั่งมารู้สึกอีกที ก็ตอนที่มีความรู้สึกว่า ล้อด้านหน้าสะเทือน และรถทางด้านข้างบีบแตรซ้ำ ด้วยความตกใจ จึงรีบลงมาดู ก็พบว่า ตนได้ขับรถทับเด็กนักเรียนจนเสียชีวิต
ด้านผู้อำนวยการโรงเรียน ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนกว่า 1,000 คน โรงเรียนพยายามดูแลรักษาความปลอดภัยของนักเรียนอย่างเต็มความสามารถ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าไปความดูแลขวัญและกำลังใจ และจะช่วยเหลือผู้ปกครองนักเรียนที่เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งประชุมคณะครู ในการดูแลความปลอดภัยนักเรียน และขอความร่วมมือผู้ปกครอง ในการใช้รถและถนนภายในโรงเรียน ในขณะเดินทางมารับบุตรหลาน ซึ่งจากนี้เมื่อผู้ปกครองขับรถเข้ามาภายในโรงเรียน ก็จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศาอีกด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการ์เศร้าสลดแบบนี้ขึ้นมาอีก
เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงค์ จ.อุบลราชธานี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง