ชาวเชียงใหม่โอด 'ค่าไฟ' แพงแต่รายได้เท่าเดิม ชี้รัฐลด 2 สต.แทบไม่ช่วยอะไร

24 เม.ย. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นชาวเชียงใหม่และผู้ประกอบการร้านซัก อบ รีด ใน จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะต้นทุนในการใช้ชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น แต่รายได้กลับเท่าเดิม

 

และถึงแม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการในการลดค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลงไป 2 สตางค์ต่อหน่วย แต่ก็ไม่เพียงพอ เนื่องจากมองว่า ลดน้อยเกินไป หลายๆ คนถึงกับพูดว่า "ลดแบบนี้เหมือนกับไม่ได้ลดอะไรเลย"  จึงอยากให้ช่วยเร่งแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องค่าไฟอย่างเร่งด่วน

 

 

 

 

 

 

ขณะที่ภาคธุรกิจที่มีการลดค่าไฟเหลือ 4.70 จากเดิมอยู่ที่ 5.33 ซึ่งลดไป 63 สตางค์ ผู้ประกอบการร้านกาแฟในจังหวัดเชียงใหม่บอกว่า เป็นเรื่องที่ดีอย่างน้อยก็เป็นการลดต้นทุนและมีเงินหมุนเวียนภายในร้านมากขึ้น

 

 

 

 

น.ส. ดารณี แซ่ตั้ง อายุ 40 ปี ผู้ประกอบการร้านซัก อบ รีด ในตัวเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่าตนเปิดหน้าบ้านเป็นร้านซัก อบ รีด มาเป็นระยะเวลา 7 ปี ซึ่งในตอนนี้กำลังประสบปัญหาค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมลูกค้าจึงลดลงไปมากกว่าครึ่ง แต่ค่าไฟกลับต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตนก็พยายามประหยัดไฟมากเท่าที่จะทำได้ ใช้เพียงแค่พัดลม ไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งจากการที่ภาครัฐลดค่าไฟลง 2 สตางค์ต่อหน่วย ตนรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ เพราะลดน้อยเกินไป เรียกได้ว่า “แทบจะไม่ได้ช่วยอะไร” จึงอยากจะให้รัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาค่าไฟ และปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างเร่งเร็วที่สุด

 

 

 

 

 

 

เช่นเดียวกับเจ้าของร้านซัก อบ รีด บริเวณตลาดประตูก้อม ในตัวเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่าสิ่งที่กินไฟเป็นอันดับต้นๆ ภายในร้านคือ เตารีด และเครื่องซักผ้า ซึ่งตนรู้ว่าทุกคนได้รับความเดือดร้อนจากค่าไฟเพิ่มขึ้น โดยตนก็ได้แต่ทำใจยอมรับ เพราะไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร และในตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อนก็มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศร้อนจัด และจากที่ภาครัฐลดค่าไฟลง 2 สตางค์ต่อหน่วยนั้น ตนรู้สึกเฉยๆ เพราะถือว่าลดน้อยมาก

 

 

 

 

นายอายุทัย นนท์นิติรัตน์ เจ้าของร้านกาแฟ AREEN CAFE อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ร้านของตนต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ทำให้ค่าไฟในแต่ละเดือนค่อนข้างสูง ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจากการที่ภาครัฐช่วยภาคธุรกิจลดค่าไฟเหลือ 4.70 ต่อหน่วย จากเดิม 5.33 ต่อหน่วย โดยลดไป 63 สตางค์ต่อหน่วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ทำให้สามารถลดต้นทุนและมีเงินหมุนเวียนในร้านเพิ่มขึ้นได้ อย่างน้อยเอาค่าไฟที่ลดลงไปจ่ายค่าเช่าหรือค่าวัตถุดิบได้

 

 

 

จักรินทร์ นมนาน  จ.เชียงใหม่