ข่าว

รวบคาศูนย์ราชการ หัวโจกแก๊งจีน "ลวงเทรดคริปโต" ผ่านแอปฯหาคู่ สูญกว่า 3 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หัวโจกแก๊งจีน "ลวงเทรดคริปโต" ผ่านแอปฯหาคู่ ตุ๋นเหยื่อมีฐานะ หลงเชื่อสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท โดนรวบคาศูนย์ราชการฯ เจ้าตัวยังปากแข็ง ตร.ยันมีหลักฐานจัดหาบัญชีม้า-รวบรวมเงินเหยื่อ

24 พ.ย.2565  ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นำกำลังเข้าจับกุม  นายจาน เปาซุน (MR. BAOXUN ZHAN) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน หัวหน้าแก๊งหลอกเทรดคริปโตผ่านแอปฯหาคู่

 

สืบเนื่องจากนายจาน กับพวก ร่วมกันสร้างบัญชีแอคเคาท์เฟซบุ๊ก, ทินเดอร์ หรือ แอพพลิเคชั่นหาคู่ปลอมขึ้นมา โดยใช้รูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มสาวหน้าตาดี มีฐานะ เข้าไปทำทีตีสนิทกลุ่มคนมีฐานะ ก่อนจะชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนคริปโต โดยอ้างว่าตัวเองมีฐานะร่ำรวยได้ก็เพราะการทำธุรกิจประเภทดังกล่าว

 

 

 

 

รวบคาศูนย์ราชการ หัวโจกแก๊งจีน "ลวงเทรดคริปโต"  ผ่านแอปฯหาคู่ สูญกว่า 3 ล้าน

 

 

เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็จะส่งลิงค์ติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่จัดทำขึ้นมาให้ และให้ผู้เสียหายเริ่มลงทุนโดยการโอนเงินผ่านแอปฯ ดังกล่าว แต่เมื่อผู้เสียหายต้องการที่จะถอนเงินออก ก็จะอ้างว่ายังไม่สามารถทำรายการได้ ต้องเสียภาษี หรือโอนเงินการลงทุนเพิ่มจึงจะสามารถทำได้ กลุ่มผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายรายสูญเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท เข้าแจ้งความตามที่ต่างๆ จนมีการออกหมายจับ 

 

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้ก่อนหน้านี้ จำนวน 6 คน แบ่งเป็นชาวจีน 2 ราย คนไทย 4 ราย กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า นายจาน หนึ่งในขบวนการดังกล่าวได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังจับกุมได้บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

 

 

รวบคาศูนย์ราชการ หัวโจกแก๊งจีน "ลวงเทรดคริปโต"  ผ่านแอปฯหาคู่ สูญกว่า 3 ล้าน

 

 

จากการสอบสวน นายจาน ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่า นายจาน ถือเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มคนร้าย มีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า และ เป็นผู้ที่รวบรวมเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อ

 

 

รวบคาศูนย์ราชการ หัวโจกแก๊งจีน "ลวงเทรดคริปโต"  ผ่านแอปฯหาคู่ สูญกว่า 3 ล้าน

 

 

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันหลอกลวง โดยนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” จึงนำตัวส่ง สภ.สำโรงเหนือ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ