
ละครชีวิตหนุ่ม ป.ตรี เมืองคอนแฟนทิ้งกลายเป็นบ้าเร่ร่อนก่อนหันเข้าวัด (คลิป)
หนุ่ม ป.ตรี เมืองคอน ถูกแฟนทิ้ง มองไม่เห็นทาง ดื่มหนักจนเป็นบ้า เร่ร่อน ก่อนกลับใจหันหน้าเข้าวัด (คลิป)
เรื่องราว ละครชีวิต ชีวิตเหมือนละครรายนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ภายในวัด บุญนารอบ (จำปาขอม) ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง จ.นครศรีธรรมราช มีคนเร่ร่อน ขี้เหล้า เข้ามาขออาศัยซุกหัวนอนในวัดเมื่อหลายเดือนก่อน แต่หลังจากได้รับการแนะนำ อบรมสั่งสอนจาก พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ ปัจจุบันเลิกเหล้าได้อย่างเด็ดขาด 100 เปอร์เซ็นต์ และยังอุทิศตนช่วยเหลือสังคม กิจการงานภายในวัดอย่างทุ่มเทเสียสละ เพื่อไถ่บาปที่ตัวเองได้เคยกระทำ จนเป็นที่กล่าวขานและยอมรับของญาติโยมและผู้คนที่เดินทางเข้ามาทำบุญในวัดบุญนารอบ ที่สำคัญมาทราบภายหลังว่า ชายคนดังกล่าวจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) อดีตเป็นผู้ที่มีฐานะดี เป็นเจ้าของกิจการร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือถึง 4 สาขา และมีกิจการเลี้ยงกุ้งมีรายได้หลายล้านบาทอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดบุญนารอบ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พบว่า ภายในวัดกำลังมีการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน 2 ศพ 2 ศาลา มีพระภิกษุ สามเณร และคนงานในวัดพร้อมชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเข้ามาร่วมจัดเตรียมสถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ให้ฟรี โดยทางญาติๆ ของผู้เสียชีวิตแทบไม่ต้องจัดเตรียมหรือเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แม้แต่น้อย โดยมีหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งที่ทุกคนเรียกติดปากว่า “น้ายอด” ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ คอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ยิ้มแย้ม แจ่มใส
เมื่อผู้สื่อข่าวได้พบกับ พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ชายฉกรรจ์ที่กำลังกุลีกุจอช่วยงานภายในวัดคนดังกล่าวคือ ชายขี้เมา เร่ร่อน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่เข้ามาขออาศัยซุกหัวนอนในวัด เมื่อ 8 - 9 เดือนก่อน ตามที่อาตมาได้โพสต์เรื่องราวในโลกโซเชียลนั่นเอง
พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” จึงได้เรียกชายฉกรรจ์คนดังกล่าวมาพบเพื่อให้ข้อมูลเรื่องราวชีวิตกับผู้สื่อข่าว ทราบชื่อ นายยุทธพงศ์ โฉมทอง หรือ “น้ายอด” อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 6 ต.ปากแพรก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเกิดในครอบครัวชาวบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก มีฐานะพออยู่พอกินไม่เดือดร้อน โดยตนเรียนจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังจบการศึกษาเป็นช่วงที่เทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามามีบทบาทในสังคมพอดี ตนจึงเปิดกิจการร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยจนกิจการรุ่งเรื่องมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ตนจึงเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา ให้แฟนสาวที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีช่วยบริหารดูแล จนสามารถซื้อบ้านราคาหลายล้านบาท ที่ดิน รถยนต์หรู และอื่นๆ มากมาย คิดว่าชีวิตของตนในวัย 25 - 26 ปี มาไกลเกินความคาดหมายแล้ว
“แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่อทราบว่าแฟนสาวของตนไปมีแฟนใหม่ ตนเสียใจและเครียดเป็นอย่างมาก เริ่มหันหน้าไปพึ่งอบายมุขโดยเฉพาะ สุรา หรือ เหล้า โดยดื่มกินอย่างหนัก ไม่สนใจเรื่องกิจการ ในที่สุดก็ล้มเลิกกิจการและหันมาเที่ยวเตร่ดื่มเหล้าเมามายจนเงินทองที่เก็บไว้เริ่มร่อยหรอและหมดไป จนต้องขายบ้าน ที่ดิน และรถยนต์ หมดเนื้อหมดตัว จึงกลับไปอยู่บ้าน ใช้วิชาความรู้ด้านการประมงที่ร่ำเรียนมาไปช่วยเหลือครอบครัวและญาติพี่น้องเลี้ยงกุ้งขาว จนประสบความสำเร็จทางครอบครัวและญาติพี่น้องสามารถปลดหนี้สินได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตนยังดื่มเหล้าอย่างหนักต่อเนื่องเหมือนเดิม จนกลายเป็นคนติดสุรา จะต้องกินต่อเนื่องทุกวัน ประกอบกับเงินของตนและครอบครัวที่ได้กำไรจากการเลี้ยงกุ้งถูกญาติหยิบยืมไปไม่ยอมคืน ตนน้อยใจจึงตัดสินใจออกจากบ้านอีกครั้ง มาทำงานรับจ้างตามร้านอาหาร และล่าสุด เมื่อปี 2563 ตนได้เข้าทำงานกับบริษัทรับเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทางบริษัทฯ ได้ยกเลิกกิจการไป โดยไม่ยอมจ่ายค่าแรงงาน 5 - 6 เดือน ลอยแพตนและคนงานหลายสิบคน”
นายยุทธพงศ์ โฉมทอง หรือ “น้ายอด” กล่าวอีกว่า ตนเครียดเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะหาทางออกในชีวิตอย่างไร จึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นพร้อมกับออกเดินเตร็ดเตร่เร่ร่อนไปเรื่อยๆ อาศัยซุกหัวนอนตามศาลาที่พักสวนสาธารณะ หรือในวัดต่างๆ บางครั้งเมาเหล้านอนข้างถนน เนื้อตัวมอมแมม มีกลิ่นเหม็น เพราะไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ตนจึงกลายเป็นคนเร่ร่อนและคนบ้าในสายตาคนทั่วไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยช่วงเดือนกันยายน 2563 ตนเข้าไปอาศัยหลับนอนและขอข้าวกินประทังในวัดมุมป้อม ท่ามกลางความหวาดระแวงและเกลียดชังของผู้คนที่พบเห็น แต่ก็มีผู้ใจบุญบางคนให้เงินบ้าง 5 บาท 10 บาท ตนก็จะนำไปซื้อเหล้ากิน
จนกระทั่ง พระราชปริยัติเวที “เจ้าคุณเจือ” เจ้าอาวาสวัดมุมป้อม สั่งให้แม่ชีในวัดช่วยดูแลหาที่หลับที่นอนและแบ่งปันอาหารให้ตนกินด้วย แต่เนื่องจากในวัดมุมป้อมไม่มีห้องหรือที่พักว่าง แม่ชีจึงแนะนำให้ตนเดินทางมาที่วัดบุญนารอบ ตนจึงเดินโซซัดโซเซมาเรื่อยๆ จนถึงวัดบุญนารอบ และเข้าซุกหัวนอนข้างศาลาหลังหนึ่ง ดื่มเหล้าเมามายอยู่ในจุดนั้น 3 วัน 3 คืน จนพระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” เรียกไปพบ พร้อมสอบถามเรื่องราวความเป็นมา ใช้หลักธรรมอบรมสั่งสอนตน
“พระมหาบวรท่านยืนยันว่าท่านพร้อมที่จะให้โอกาสและช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ตามที่พอจะช่วยเหลือได้ พร้อมสั่งกำชับแม่ครัวให้ช่วยดูแลจัดอาหารให้ตนด้วย ท่ามกลางความหวาดระแวงของแม่ครัว พระภิกษุ สามเณร และคนงานในวัด ที่พยายามจะท้วงติงพระมหาบวร เพราะเกรงว่าตนจะสร้างปัญหานำความเดือดร้อนมาให้กับพระมหาบวรและวัดบุญนารอบได้”
“ทำให้ตนเริ่มมีสติ คิดได้ ก่อนจะมากราบพระพุทธรูปและพระมหาบวร พร้อมกล่าวประกาศว่า ผมเองจะหักดิบเลิกเหล้าและกลับมาประพฤติตัวใหม่ อุทิศตนช่วยเหลือสังคมและกิจการภายในวัดทุกอย่าง จนมาถึงวันนี้ กว่า 8 เดือนแล้ว ตนสามารถเลิกเหล้าได้เด็ดขาด และทำทุกอย่างในการช่วยเหลืองานภายในวัด นอกวัด โดยเฉพาะทางพระมหาบวรได้มอบหมายให้ดูแลพระภิกษุที่อาพาตเป็นอัมพฤกษ์ ตาบอด รวมทั้งฆราวาสป่วยอัมพาตติดเตียงที่ทางวัดช่วยเหลือสงเคราะห์รับตัวมาดูแล ทั้งการเช็ดทำความสะอาดเนื้อตัว ป้อนน้ำป้อนข้าว พาไปโรงพยาบาล โดยตนตื่นตี 4 ออกไปช่วยพระภิกษุบิณฑบาต นอกจากนี้ ก็ช่วยเหลืองานส่วนรวมทุกอย่างทั้งในวัดและนอกวัด ทำให้พระภิกษุ สามเณร ชาวบ้านให้การยอมรับ และมั่นใจเชื่อใจ ตนคิดว่าวันนี้ชีวิตตนกลับมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้อีกครั้งเพราะพระมหาบวร ท่านให้โอกาส และตนพยายามจะศึกษาเรียนรู้ในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ช่วยพัฒนาจิตใจได้อย่างแท้จริง ยอดเยี่ยมมากๆ หากไม่ได้รับโอกาสตนคงเป็นคนบ้า สติฟั่นเฟือน เร่ร่อน และอาจจะตายอย่างไร้ค่าไม่แตกต่างไปจาก หมา หรือ สุนัข ข้างถนน ตนตั้งใจจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ส่วนจะตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุหรือไม่นั้น ตอนนี้คิดว่าการบวชอาจจะมีข้อจำกัดในการช่วยเหลือผู้อื่นหรือกิจการงานในวัด เช่น การขับรถและอื่นๆ ที่พระภิกษุทำแล้วอาจจะไม่เหมาะสม และคงต้องรอให้พ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ให้สังคมกลับมาเป็นปกติ จึงจะคิดอ่านอีกครั้งว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป ตอนนี้ขอทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือวัดและพระพุทธศาสนาให้มากที่สุด อย่างน้อยเป็นการไถ่บาปที่ตนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้” นายยุทธพงศ์ โฉมทอง หรือ “น้ายอด” กล่าวย้ำก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดทำงานช่วยเหลืองานบำเพ็ญกุศลศพในวัดต่อไป
พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” กล่าวว่า อาตมาบวชมาตั้งแต่อายุ 13 ปี อาตมาคิดว่าเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะความเมตตาของญาติโยมชาวพุทธที่ให้อาหารเลี้ยงปากท้องจนเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้ อาตมาจึงยึดตามแนวทางของพระราชปริยัติเวที “เจ้าคุณเจือ” เจ้าอาวาสวัดมุมป้อม เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (มหานิหาย) ใช้หลัก “โลโกปัตถัมภิกา เมตตา” หรือ “หลักเมตตาธรรมค้ำจุนโลก” หมายถึง โลกหรือสังคมสงบสุขได้ด้วยเมตตาคือปรารถนาดีต่อกัน โดยการให้โอกาสคนเป็นเรื่องสำคัญ อาตมาให้โอกาสกับคนที่เคยกระทำผิดพลาดทั้งยาเสพติด และอื่นๆ ทำงานร่วมกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเราให้โอกาสเขาเขาสามารถกลับเนื้อกลับตัวมาเป็นคนดีของสังคมได้ก็ถือเป็นการสร้างบุญกุศล สร้างคนคุณภาพกลับมาช่วยพัฒนาสังคม แต่ก็มีอยู่จำนวนหนึ่งที่อาตมาหรือสังคมให้โอกาสแล้วเขากลับไม่ต้องหาร ไม่หยิบฉวยโอกาสเหล่านั้นก็คงเป็นเรื่อง “วิบากกรรม” ของเขาเอง
สำหรับ “คุณยอด” วันแรกที่อาตมาพบเห็นไม่แตกต่างไปจากคนขี้เมา คนบ้า สติฟั่นเฟือน เร่ร่อน ไร้หัวนอนปลายเท้า แต่เมื่อเขาได้รับโอกาส เขารีบคว้าโอกาสนั้นและประกาศเลิกเหล่าด้วยการ “หักดิบ” จนอาหารหนักมากต้องหามส่งโรงพยาบาล แต่วันนี้เขาสามารถกลับมาเป็น “คุณยอดคนใหม่” ช่วยเหลืองานอาตมาและงานวัดได้เยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงที่อาตมาและวัดบุญนารอบรับฌาปนกิจสงเคราะห์ผู้ป่วย โควิด-19 ที่เสียชีวิตโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ รวมทั้งงานบำเพ็ญกุศลศพในวัดที่มีต่อเนื่อง อาตมาและทางวัดคิดอย่างเดียวว่า พระสงฆ์หรือวัดจะช่วยสังคมช่วยญาติโยมให้ลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เหมือนกับหลายๆ วัดที่ประกาศว่าจัดงานศพในวัดต้องเสียค่าใช้จ่ายไอ้นั่นเท่านั้น ไอ้โน้นเท่านี้ จนชาวบ้านไม่มีกำลังที่จะจ่ายและไม่ได้รับโอกาสในการจัดงานศพพ่อแม่ อาตมาคิดว่าญาติพี่น้องที่เสียชีวิต เขาอยู่ในช่วงที่เศร้าโศกเสียใจ แต่กลายเป็นว่าพระสงฆ์หรือวัดไปซ้ำเติมเขาให้หนักมากยิ่งขึ้น
“เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ กล่าวอีกว่า ญาติโยมที่พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลในวัดบุญนารอบ ทุกอย่างทางวัดจัดการให้ทั้งหมด ส่วนเมื่อเสร็จสิ้นจากการจัดงานแล้ว ญาติโยมหรือเจ้าภาพเขาไม่แล้งน้ำใจ เขาจะบริจาคช่วยวัดช่วยพระสงฆ์หรือคนงานในวัดที่ช่วยเหลือเท่าไหร่ ตามความเหมาะสม ในภาพรวมสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้ทุกคนทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข” พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” กล่าวในที่สุด
อ่านข่าว - (คลิป) ผีผนันท้า โควิด-19 นปพ.บุกรวบกลางดึก 16 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืน
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช