สุดทน 3 ปี รัฐไม่จ่ายชดเชยค่าที่ดิน โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำฯ ร้อง รมต.เกษตรฯ ช่วยเหลือ | คมชัดลึก

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ตัวแทนชาวบ้านอำเภอท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ได้จับกลุ่มรวมตัวกัน จำนวน 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ที่บริเวณบ้านท่าปลา หมู่ 1 ต.ท่า ปลา และกลุ่มที่สอง บริเวณริมถนนสายนางพญา-ดงงาม บ้านดงงาม หมู่ 3 ต.จริม เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยดำเนินการจ่ายเงินค่าชดเชยจากการวางท่อน้ำ อาทิ ค่าที่ดิน ค่าต้นไม้ผลและต้นไม้ยืนต้น ค่าสิ่งปลูกสร้างจากการเคลื่อนและโยกย้ายตัวอาคารบ้านเรือนที่อยู่ในแนววางท่อน้ำ ให้ย้ายห่างออกจากท่อน้ำ เป็นการใช้พื้นที่ของชาวบ้านเพื่อขุดวางท่อส่งน้ำของแต่ละหมู่บ้านในเขตพื้นที่ 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.ท่าปลา ต.จริม ต.หาดล้า ต.น้ำหมัน และ ต.ร่วมจิต เพื่อวางท่อน้ำขยายใหญ่ ส่งน้ำจากโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ของกรมชลประทาน ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการมาเป็นเวลานานถึง 3 ปี เฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ตำบลจริมและตำบลท่าปลาบางส่วน ที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินและไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน จำนวนกว่า 300 ราย เงินค่าชดเชยจากการวางท่อน้ำมีตั้งแต่ 30,000-500,000 บาทต่อราย ชาวบ้านยังไม่เคยได้รับเงินค่าชดเชยเลย ตั้งแต่ขั้นตอนการขุดจนถึงการวางท่อน้ำและกลบดินฝังท่อน้ำ จนงานเสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเป็นค่าเคลื่อนย้ายอาคารตัวบ้าน ค่าแรงทุบกำแพงและค่าปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งบ้านออกไปก่อนเป็นจำนวนเงินหลักแสนถึงหลักล้าน เพื่อโยกย้ายเคลื่อนย้ายตัวบ้านให้อยู่ห่างแนวท่อน้ำ พืชผลทางการเกษตร ต้นไม้หลายชนิดให้ผลทานได้รวมถึงพืชผักสวนครัวต้องสูญเสียไป ก็ยังไม่ได้รับการชดเชยจ่ายเงินคืนจากภาครัฐแม้นแต่บาทเดียว สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านบางส่วนทั้ง 5 ตำบล เป็นหนี้สินที่ต้องกู้ยืมมาแต่ไม่มีเงินจ่าย คาดหวังจะได้เงินชดเชยนำไปจ่ายหนี้สินที่กู้ยืมมา

เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่โดยตรง ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐและเจ้าหน้าที่รับปากอย่างดีว่าจะดำเนิน การจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้านตั้งแต่ปี 2562 และในปีนี้ 2563  แล้ว พร้อมขอเอกสารหลักฐานไปหลายครั้ง โกหกชาวบ้านมาหลายหน รวมถึงนำเอาโฉนดตัวจริงของชาวบ้านไปด้วย และยังไม่นำโฉนดตัวจริงกลับคืนมาส่งให้ หวั่นมีการนำโฉนดไปใช้ผิดประเภทและทำให้สูญเสียที่ดินไป เคยร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าปลาเรื่องก็เงียบหายไป

ในการร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้ ชาวบ้านได้ชูป้ายข้อความว่า รมต.เกษตรช่วยด้วยคนท่าปลาเดือดร้อน, เงินของเราเมื่อไหร่จะได้เอาให้ชัดๆ, กี่ครั้งคนจริมโดนหลอกมาตลอด, รมต.เกษตร อยู่ไหน คนจริมเดือดร้อน เงินชดเชยไม่ได้ 3 ปีแล้ว, ไม้ผล บ้านเรือนถูกรื้อไปแล้วก็ยังไม่จ่าย

นายประสิทธิ์กา ทองทุ่ง ชาวบ้านตำบลท่าปลา กล่าวว่า ชาวบ้านต่างรอเงินชดเชยจากภาครัฐกรณีวางท่อน้ำผ่านที่ดินของชาวบ้านมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว และไม่อยากจะรอต่อไป มีเจ้าหน้าที่เข้ามาขอเอกสารถึง 10 รอบอ้างเอกสารหายก็ต้องหาให้ไป แล้วพูดถึงเรื่องเงินชดเชยว่าจะได้ก็ไม่ได้ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2563 นี้ จนจะเข้าปี 2564 แล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สำหรับที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์จะจ่ายให้ 100% สำหรับที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์จะจ่ายให้ 80% พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านถูกสะสมมานานจนทนรอไม่ไหว ต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ “นาทีสุดท้ายหากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบด้วยกฏหมายจะต้องเดินต่อ และอาจจะถึงขั้นถวายฎีกาต่อองค์ในหลวง”

นายสมพร เชียงรส ชาวบ้านตำบลจริม กล่าวว่า ในการวางท่อน้ำภายในหมู่บ้านโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยรี จะถึง 3 ปีแล้วหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้านในพื้นที่ร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ช่วยลงมาดูแลปัญหาของชาวบ้านให้หน่อย เงินชดเชยเมื่อไหร่จะได้ ให้กำหนดวันเดือนปีว่า จะจ่ายให้ชาวบ้านวันไหน ไม่ใช่จะหลอกกันไปวันๆ เคยร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าปลา จนนายอำเภอย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นแล้ว ชาวบ้านยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐแต่อย่างใด ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการวางท่อของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยรี มีทั้งหมด 5 ตำบล ต.ท่าปลา ต.จริม ต.หาดล้า ต.น้ำหมัน และ ต.ร่วมจิต เฉพาะพื้นที่ตำบลจริมชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธิ์รวมกว่า 300 ราย หากไม่ได้รับความคืบหน้าเรื่องเงินชดเชยจากภาครัฐ จะนำชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10  

ด้าน น.ส.สกุลรัตน์ จันต๊ะมูล ชาวบ้านตำบลจริม กล่าวว่า เข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องเรื่องการจ่ายเงินชดเชยวางท่อน้ำโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี เจ้าหน้าที่ขอให้นำโฉนดที่ดินตัวจริงมายื่นให้ โดยคุณแม่นำโฉนดตัวจริงมายื่นส่งให้กับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ได้นำโฉนดของแม่ติดไปด้วย แถมเงินชดเชยก็ไม่ได้ โฉนดตัวจริงก็ยังไม่ได้คืนเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ไม่รู้เจ้าหน้าที่เอาไปทำอะไร หวั่นกลัวจะนำไปทำสิ่งไม่ดีแล้วทำให้เสียที่ดินไป อยากเรียกร้องขอโฉนดที่ดินตัวจริงกลับคืนมาให้แม่

นายวิทยา เพชรสุวรรณ ข้าราชการบำนาญ พื้นที่ตำบลจริม กล่าวว่า อยากให้รัฐมนรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเร่งรัดเจ้าหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากจ่ายเงินชดเชยจากการวางท่อน้ำในครั้งนี้ รอมาเป็นเวลานานถึง 3 ปีแล้วถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ อยากเร่งรัดให้ช่วยชาวบ้าน เงินค่าชดเชยที่ตนต้องได้กว่า 400,000 บาทก็ยังไม่ได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายบ้านจากเนินเขา พร้อมค่าปรับสภาพที่ดินให้เป็นที่ราบ ค่าซ่อมแซมและตกแต่งต่อเติมบ้านเพิ่มเติมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท 

น.ส.ภัทธิยะ ทิยะ ชาวบ้านตำบลจริม กล่าวว่า การวางท่อน้ำกินเนื้อที่เข้ามาถึงบ้าน จำเป็น ต้องทุบกำแพงและย้ายตัวบ้านจากที่อยู่เดิมให้ห่างจากจุดวางท่อน้ำประมาณเกือบ 10 เมตร ทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก เงินชดเชยที่ภาครัฐจะจ่ายให้เป็นเงินกว่า 300,000 บาท ก็ยังไม่ได้รับเลย อยากให้รัฐมนตรีเกษตรฯ เข้ามาดูแลเรื่องนี้เพื่อจะได้นำเงินไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการวางท่อน้ำของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี เกิดขึ้นจากชาวบ้านอพยพจากที่ดินเดิมที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้มีการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ผลิตกระแสไฟฟ้าให้คนทั้งประเทศใช้ ได้อพยพมาอยู่บนที่ดินซึ่งไม่มีแหล่งน้ำ ขาดน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ชาวบ้านจึงได้ทำหนังสือถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อขอให้มีโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยรี ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค จนกระทั่งเกิดโครงการพระราชดำริฯ สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยรีขึ้นมา และจำเป็นต้องมีการวางท่อน้ำไปยังจุดต่างๆของแต่ละหมู่บ้านในแต่ละตำบล

ทั้งที่ดินมีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธิ์ การวางท่อน้ำจำเป็นต้องเบียดที่ดินชาวบ้านทั้งต้นไม้และพืชผลทางการเกษตร รวมถึงที่ดินที่อยู่อาศัยตามแนวการวางท่อน้ำ ต้องถูกโยกย้ายออกห่างจากแนวท่อน้ำ สิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านคือ ต้องกู้หนี้ยืมสินมารื้อถอนและโยกย้ายอาคารบ้านเรือนให้อยู่ห่างจากแนววางท่อน้ำตามที่รัฐกำหนด โดยชาวบ้านหวังจะได้เงินชดเชยจ่ายคืนมาให้เพื่อเป็นการตอบแทนแต่ก็ไร้วี่แวว

สมภพ  สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดอุตรดิตถ์