วอนช่วยเหลือ 2 เด็กพิการ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก

          เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งมีเด็กชายพิการ 2 คนพ่อแม่มีฐานะยากจนใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากอดมื้อกินมื้อและแม่เด็กเป็นบุคคลตกหล่นไม่มีบัตรประชาชนไม่ได้รับสิทธิใดๆที่ควรจะได้รับ  หลังจากรับแจ้งผู้สื่อข่าวได้ประสานไปที่นายแคล้ว มนตรีศรี  ผู้ประสานงานกลุ่มเพื่อนตนไร้บ้าน, นายวิชัย สัมฤทธิ์รินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6  และประสานไปที่นางสาววรางคณา  อินทโลหิต ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู  ซึ่งได้สั่งการให้นางสลิตา อุประ ผู้ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดหนองบัวลำภูโครงการจิตอาสาประชารัฐ เพื่อสังคมสุขภาวะ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 274 หมู่ที่ 6 ตำบลกุดจิกอำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู  พบนางดอกแก้ว แก้วภูเขียว อายุ 30 ปี และนายสาคร แก้วโพธิ์ศรี อายุ 38 ปี  ซึ่งเป็นบิดาของเด็กชายณัฐวุฒิ แก้วภูเขียว อายุ 14 ปี พิการขาอ่อนแรง และเด็กชายกรรธร แก้วโพธิ์ศรี อายุ 10 ปี พิการขาอ่อนแรง โดยนางดอกแก้ว แก้วภูเขียว  มารดาของเด็กทั้ง 2 คนได้เล่าให้ฟังว่าตนเอง กับมารดาและพี่สาวไม่มีบัตรประชาชน ทั้ง 3 คน คือ นางรื่น ไกลดวง อายุ 55  ปี มารดา นางสุนี  แก้วภูเขียว อายุ 40 ปี พี่สาวตนเอง และตนเองนางสาวดอกแก้ว  แก้วภูเขียว อายุ 35 ปี โดยนางรื่น ไกลดวง ได้เป็นบุคคลตกหล่น มาดารคือนางยายจันลี  ขาวหนู อายุ 86 ปี ซึ่งเป็นคุณยายของตนเอง ไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนให้ และมารดาตนเองได้แต่งงานแล้วไปตัดอ้อยที่ภาคกลางกับบิดาของตนเอง จนกระทั้งบิดาเสียชีวิต จนกลับมาอยู่ที่บ้าน เวลาเจ็บป่วยจะไปหาหมอก็ต้องเสียเงินเองไม่มี สวัสดิการใดๆช่วยเหลือ ได้ปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็แนะนำว่าต้องไปตรวจ ดีเอ็นเอ ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ที่จังหวัดขอนแก่น คนละ 9,000 บาท รวม 4 คนเป็นเงิน 36,000 บาท ตนเองฐานะยากจนแต่ละวันกับสามีคือนายสาคร แก้วโพธิ์ศรี ต้องทำงานรับจ้างเลี้ยง 6 ชีวิตในบ้าน ซึ่งสามีตนเองมีบัตรประชน ทำให้บุตรชายได้สิทธิ์ตามกฎหมาย แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือใดๆจากรัฐ  

       ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายแคล้ว มนตรีศรี  ผู้ประสานงานกลุ่มเพื่อนตนไร้บ้าน ได้กล่าวว่าในส่วนของจังหวัดหนองบัวลำภู  จากการสำรวจข้อมูลของคนไทยที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เมื่อปี 2561 (โดยกลุ่มเพื่อนฅนไร้บ้าน) พบว่ามีจำนวน 52 ราย พบมีเด็กที่มีอายุ 6-10 ขวบ จำนวน 4 คน สามารถดำเนินการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและมีบัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นวัยผู้ใหญ่ ช่วงอายุตั้งแต่ 30-70  ปี จำนวน 48 คน อยู่ระหว่างการดำเนินการขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและทำบัตรประชาชน โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1  สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ มีญาติ-พี่น้องที่สามรถสืบสายเลือดเชื่อมโยงเครือญาติ และมีคนรับรองในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ได้ หรือ สามารถตรวจ  DNA หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถยืนยันความเป็นพ่อ-แม่-พี่-น้อง ร่วมสายเลือดเดียวกันได้ โดยค่าตรวจ DNA นั้นตกอยู่ที่ คนละ 9,000 บาท ตรวจคู่กันก็ต้องจ่าย 18,000 บาท โดยคนกลุ่มนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์

กลุ่มที่ 2   เป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถสืบหาเครือญาติได้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ พ่อ-แม่เสียชีวิตหมดแล้ว ไม่มีญาติพี่น้อง และจะเป็นคนที่อพยพมาจากจังหวัดอื่น โดยพ่อ-แม่ พาเดินทางตั้งแต่ยังเด็ก พามารับจ้างตัดอ้อย เสร็จจากที่หนึ่งก็ย้ายไปอีกที่หนึ่ง ย้ายไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถจดจำได้ว่าตัวเองมาจากที่ใด กลุ่มนี้มีความเป็นไปได้ยากที่จะสามารถเพิ่มชื่อในระบบทะเบียนราษฎร์

แต่ยังมีครอบครัวหนึ่ง ที่มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 8 คน โดยมีอายุต่ำสุด 10 ปี อายุสูงสุด 86 ปี โดยมีรายละเอียดดั้งนี้

ยายจันลี  ขาวหนู เกิดปี 2477 อายุ 86 ปี

นางรื่น  ไกลดวง อายุ 55 ปี (ไม่มีบัตรประชาชน)

เป็นลูกของยายจันลี ขาวหนู

นางสุนี  แก้วภูเขียว อายุ 40 ปี (ไม่มีบัตรประชาชน)

เป็นลูกนางรื่น ไกลดวง เป็นหลานยายจันลี  ขาวหนู

นางสาวดอกแก้ว  แก้วภูเขียว อายุ 35 ปี (ไม่มีบัตรประชาชน)

เป็นลูกนางรื่น  ไกลดวง เป็น หลานยายจันลี  ขาวหนู

เด็กชายณัฐวุฒิ  แก้วภูเขียว อายุ 14 ปี (พิการขาอ่อนแรง) อยู่ระหว่างการขอบัตรผู้พิการ

เป็นลูกของนางสาวดอกแก้ว  แก้วภูเขียว พ่อคือนายสาคร  แก้วโพธิ์ศรี

มีเลขบัตรประชาชน ตามสิทธิ์ของพ่อ

เด็กชายกรรธร  แก้วโพธิ์ศรี อายุ 10 ปี (พิการขาอ่อนแรง) อยู่ระหว่างการขอบัตรผู้พิการ

เป็นลูกของนางสาวดอกแก้ว  แก้วภูเขียว พ่อคือนายสาคร  แก้วโพธิ์ศรี

มีเลขบัตรประชาชน ตามสิทธิ์ของพ่อ

นายสาคร  แก้วโพธิ์ศรี อายุ 38 ปี (เป็นลูกเขยนางรื่น  ไกลดวง)

นายบุญ  แก้วโพธิ์ศรี อายุ 67  ปี (ไม่มีบัตรประชาชน-เป็นพ่อของนายสาคร แก้วโพธิ์ศรี)

          ด้วยความชราภาพของคุณยายจันลี  ขาวหนู และสภาพร่างกายที่อ่อนแรงไปตามเงื่อนไขเวลา ผมมีความเป็นกังวลว่า ถ้าคุณยายจันลี  ขาวหนู  เสียชีวิตลง จะทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ หรือ การตรวจ DNA ของลูกและหลานอีก 3 คน ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงเห็นควรเร่งทำการตรวจ DNA โดยเร็วที่สุด โดยไม่สามารถรอตรวจพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ได้ แต่เนื่องจากค่าตรวจ DNA มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง  ตรวจครั้งนี้จำนวน 4 คน (1.ยายจันลี  ขาวหนู 2.นางรื่น  ไกลดวง 3.นางสุนี  แก้วภูเขียว 4.นางสาวดอกแก้ว  แก้วภูเขียว) ค่าตรวจรายละ 9,000 บาท เป็นเงิน 36,000 บาท ครอบครัวนี้ไม่สามารถที่จะจ่ายส่วนนี้ได้ เพราะครอบครัวค่อนข้างยากจน จึงอยากจะขอความอนุเคราะห์จากท่านที่อยากจะร่วมทำบุญ เพื่อให้ครอบครัวของคุณยายจันลี ขาวหนู สามารถเข้าถึงสิทธิ์ อันพึงมีพึงได้ และเข้าถึงสิทธิ์ความเป็นคนไทยเหมือนคนอื่นๆ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่ ธนาคารกรุงไทย  สาขาศูนย์ราชการหนองบัวลำภู  เลขที่บัญชี 6790 5626 05  ชื่อสมทบทุนเพื่อตรวจ DNA ครอบครัวนางจันลี  ขาวหนู หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ของตนเอง 061 -794 6155 ข่าวคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป

ภาพ/ข่าว วรรธนะ ทองดี  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  จ.หนองบัวลำภู