กอ.รมน.ภาค 4 ออกมาชี้แจงแล้ว ข้อเท็จจริงทั้งหมด กรณีบุกเข้าตรวจค้น "พัฒนาอิสลามวิทยา" พร้อมให้รอผลคืบหน้าต่อไป
จากกรณีเจ้าหน้าที่ชุดนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเก็บหลักฐานภายใน ร.ร.พัฒนาอิสลามวิทยา (ปอเนาะลำใหม่) เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2562 และได้มีการนำเสนอข่าว ว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปจัดเก็บ DNA นักเรียนเกือบ 500 คน
และล่าสุดได้เสนอข่าวคำให้สัมภาษณ์ นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลาในฐานะผู้ได้รับใบอนุญาต ร.ร.พัฒนาอิสลามวิทยา โดยมีข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหลายเรื่องอันอาจทำให้สังคมเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เช่น มีการเก็บ DNA 20- 30 คน และเข้าปฏิบัติโดยไม่แจ้งวัตถุประสงค์และไม่พบหลักฐานที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น
ล่าสุด วันนี้ 18 พ.ย. 2562 เวลา 11.00 น. พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ได้แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เหตุผลและความจำเป็นในการเข้าตรวจค้นโรงเรียน ปอเนาะ ดังกล่าว
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการการเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจากเหตุคนร้ายเข้าโจมตี ชรบ.เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย โดยผู้ถูกควบคุมตัว 1 คน ให้การยอมรับว่าร่วมก่อเหตุจริงโดยก่อนเกิดเหตุได้ไปรวมตัวกันบริเวณหลังโรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา (ปอเนาะลำใหม่)
ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อแจกจ่ายอาวุธปืนโดยมีนายสุดิน เจ๊ะแว อุสตาส โรงเรียน พัฒนาอิสลามวิทยาหรือปอเนาะลำใหม่ เป็นคนร่วมวางแผน, อำนวยความสะดวกและทำหน้าที่ดูแลตันทางก่อนเข้าโจมตี ชรบ. ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้เสริมกำลังเข้าควบคุมตัว อุสตาส คนดังกล่าวได้ที่บ้านพักหลังปอเนาะลำใหม่เมื่อ 14 พ.ย.2562 เวลา 04.00 น.และนำไปควบคุมตัวเพื่อซักถามที่หน่วยซักถามกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหารนอกจากนี้
ขั้นตอนในการเข้าตรวจสอบภายหลังควบคุมตัว อุสตาส เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจสอบภายใน รร.พัฒนาอิสลามวิทยา เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งนี้ได้ร่วมกับกำลัง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายปกครอง ส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดนิติทยาศาสตร์เข้าไปประสานกับนางรุสนีแม เราะ ผู้จัดการโรงเรียน และนายมะสบรี ฮารี ผู้อำนวยการโรงเรียน
เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์และขอความร่วมมือในการขอเข้าตรวจสอบหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุเนื่องจาก อุสตาส ที่ถูกควบคุมตัวเป็นครูสอนศาสนาใน โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยมีบุคคลากรของโรงเรียนเป็นผู้นำตรวจบริเวณห้องธุรการบ้านพักครู 2 หลังและที่พักนักเรียน 22 หลังซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังภายในเขตรั้วโรงเรียน
ผลตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยไม่พบสิ่งผิดปกติภายในบ้านพัก แต่ได้ตรวจพบโสร่งมีรอยคล้ายเปื้อนเลือดตกอยู่ระหว่างบ้านพักครู 2 หลัง สอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้จัดเก็บหลักฐานที่โสร่งและขอตรวจ DNA อุสตาส ที่เป็นเจ้าของบ้านเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยทั้ง 2 คนคือ
นายยูโส้ะ เด็นอะสัน และนายซูลกิฟลี ฮารี ได้ลงนามยินยอมให้ตรวจเป็นอย่างดี จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นเลือดแต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์จึงขอยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นยางกล้วยตามที่นายมะสบรี ฮารี ผอ.รร.พัฒนาอิสลามวิทยาได้ให้สัมภาษณ์สื่อไป ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ส่งหลักฐานดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กทม.
โดยจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ทั้งนี้ การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกโดยไม่ใช้กำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นดังที่เป็นข่าว ทั้งนี้ ได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ ส่วนท้องที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปประสานขอความร่วมมือ
และแจ้งวัตถุประสงค์ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบล่วงหน้า และภายหลังได้รับอนุญาตแล้วจึงได้แจ้งให้ชุดนิติวิทยาศาสตร์เข้าไปตรวจเก็บหลักฐานดังกล่าวโดยไม่ใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษที่มีอยู่เข้าไปข่มขู่ ขู่เข็ญ และคุกคามบุคลากร และนักเรียนแต่อย่างใด
จากเหตุผลและขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังที่กล่าวเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง และโปร่งใสภายใต้การรับรู้ และมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหาร และบุคลากรภายในโรงเรียนต่างก็รับรู้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกขั้นตอน
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่าง ดำเนินการด้านหลักฐาน และไม่เคยสรุปว่า ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ในโรงเรียนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจเก็บ DNA นักเรียนจำนวน 500 คน หรือ 20-30 คน ตามที่ถูกนำเสนอข่าวผ่านสื่อ แต่อย่างใด
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนได้ระมัดระวังในการให้ข่าว และเสนอข่าวที่ถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เพราะอาจมีความผิดตามกฎหมาย ด้านสรุปความคืบหน้าทางคดีภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุทั้งปลอกกระสุนปืนรอยเลือด และวัตถุพยานอื่นๆ
รวมทั้งผลจากการชักถามทำให้สามารถระบุคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้แล้ว 2 คน นอกจากนี้ยังสามารถระบุอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุได้แล้ว 1 กระบอก จากทั้งหมด 25 กระบอก ตรวจพบหลักฐาน DNA จากรอยเลือด และลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย โดยสามารถยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว 3 คน
สรุปผลคืบหน้าในภาพรวม ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 17 คน ปล่อยกลับ 6 คน คงเหลือ11 คน ให้การรับสารภาพ 1 คน และสามารถออกหมายจับ ป.วิอาญา ได้แล้ว 3 คน และหมาย พรก.ฉุกเฉิน 5 คน และจะเร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมส่วนที่เหลือต่อไป
ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดยะลา รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง