ผู้รับเหมาถูกหลอกให้โอนเงิน หลังหนุ่มอ้างได้งบจากผู้ว่าโคราช

ทางด้านนายเสาร์ องค์รัมย์ อายุ 56 ปีอยู่บ้านเลขที่77/1หมู่3ต.บ้านรี อ.เมือง จ.อ่างทอง ผู้รับเหมารายใหญ่ จังหวัดอ่างทอง ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า มีนายส.(นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ชาวอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา อ้างว่ามีความสนิทสนมกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ว่าได้งบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย จำนวน 19 ล้านบาท ในการปรับปรุงศาลากลาง จังหวัดอ่างทอง โดยขอให้โอนเงินจำนวน 3 แสนบาท ในการซื้อแบบ ซึ่งตนก็มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จะได้งบประมาณมาปรับปรุงพัฒนาศาลากลางจังหวัดอ่างทอง เนื่องจากคนละจังหวัดกัน จึงได้สอบถามไปยังหน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 เวลา 14.19 น โดยในบันทึกข้อความแจ้งว่าได้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง และในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ได้มีนายส. โทรศัพท์มาแจ้งว่าสนิทกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และสามารถวิ่งเต้นหางานก่อสร้างของศาลากลางจังหวัดอ่างทอง โดยนายเสาร์จะต้องจ่ายค่าซื้อแบบจำนวนเงิน 300,000 บาท เพื่อไปเอาแบบก่อสร้างที่กระทรวงมหาดไทย แต่จากการตรวจสอบของผู้แจ้งแล้วทราบว่าทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาไม่เคยรู้จักกับนายส.แต่อย่างใด และงานก่อสร้างที่ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ก็ยังไม่มีงบประมาณออกมา จึงคิดว่าถูกนายส.มาหลอกลวงเพื่อเอาเงินแต่ผู้แจ้งยังไม่ได้โอนเงินให้แต่อย่างใดเนื่องจากมีคนห้ามปรามไว้ก่อน จึงมาขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับร้อยตำรวจโทสุขสันต์ ปัสสาวะกัง รองสารวัตรสอบสวน สภ. เมืองอ่างทอง

ทั้งนี้ นายเสาร์ เล่าต่อว่า เพื่อนของตนสนิทกับนายส. จึงแนะนำให้รู้จักกันพร้อมขอเบอร์โทรและ line ก่อนจะมาแจ้งกับตนเองว่ามีงานรับเหมาที่ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง และได้นัดแนะเจอกันในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 เพื่อดูพื้นที่ ด้วยงบประมาณ 19 ล้าน 6 แสนกว่าบาท ด้วยตนเองก็อยากได้งานจึงเสนอขอทำ หลังจากนั้นนายส.ได้แจ้งว่าจะต้องใช้เงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อนำไปซื้อแบบออกมาจากกระทรวงมหาดไทย โดยการให้โอนเงินเข้าบัญชีของนายส. พร้อมทั้งอ้างว่าสนิทสนมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สามารถจัดแจงงานได้ หลังจากรู้ว่าตนยังไม่ยอมที่จะจ่ายเงินจึงได้พยายามลดจำนวนค่าแบบลงเหลือ 230,000 บาท จึงแจ้งกลับไปว่าไม่มี ทางนายส.ก็ลดจำนวนเงินให้อีกเหลือ 190,000 บาท โดยพยายามต่อรองให้ได้เงินให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งพูดจาหว่านล้อมต่างๆนานา แต่ตนเองก็ยังไม่ยอมอนเงินให้ หลังจากนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกับพฤติกรรมกับคนนี้ ว่าจะไปหลอกคนอื่นอีกไหม

ทางด้านนางวัชรา ศัพทเสวี ผู้เสียหายอีกราย ได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ เล่าว่า นายส.ได้กล่าวอ้างว่าสามารถฝากงานข้าราชการให้กับลูกสาวได้ทุกที่ โดยกล่าวกับตนเองว่า เป็นอดีตเป็นผอ.กระทรวงมหาดไทยและรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายจังหวัด และยังเคยหลอกอาจารย์คนหนึ่งที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองว่าสามารถฝากเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งตนเองมองว่ามีพฤติกรรมหลอกลวง จึงอยากฝากให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกต้มตุ๋นหลอกเอาเงินก่อนที่จะได้งานซึ่งไม่เป็นความจริง

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้มีคนที่รู้จักกันโทรมาสอบถามฝ่ายเลขา ว่ามีผู้รับเหมาที่จังหวัดอ่างทองได้รับการติดต่อกับบุคคลคนนึ่งบอกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สามารถที่จะไปเอางบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย มาได้และจะนำมาลงที่จังหวัดอ่างทอง เป็นงบประมาณที่จะนำมาสร้างศาลากลางจังหวัด ซึ่งตนก็ตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้โทรสอบถามผู้รับเหมา พร้อมทั้งแจ้งกลับไปว่าไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาไม่มีศักยภาพที่จะไปของบประมาณมาให้กับจังหวัดอ่างทองและเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไปของบประมาณให้กับจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดของตนเอง หลังจากนั้นได้โทรไปสอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ว่าที่จังหวัดอ่างทองมีการของบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องของการปรับปรุงอาคารศาลากลาง โดยทางจังหวัดอ่างทอง แจ้งว่าไม่มีการของบประมาณเหล่านี้เลย ประกอบกับพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2563 ยังไม่ออกมา โดยจะไม่มีใครทราบว่าที่ใดได้รับงบประมาณ เพราะฉะนั้นการที่ผู้รับเหมาจังหวัดอ่างทองมีบุคคลไปติดต่อโดยอ้างว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ไปหางบประมาณมาให้พร้อมทั้งเรียกร้องค่าตอบแทน เป็นเงิน 3 แสนบาท เพื่อที่จะเอางบประมาณนี้ให้กับผู้รับเหมารายดังกล่าวทำงาน จึงคิดว่าน่าจะเป็นการหลอกลวงเป็นมิจฉาชีพแน่นอน โดยแนะนำให้ผู้รับเหมาให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากเป็นผู้เสียหาย และได้ส่งเอกสารทั้งหมดไปให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองแล้ว ให้ช่วยติดตามคดีนี้เพื่อที่จะนำคนร้ายมาลงโทษต่อไป ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็จะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่แอบอ้างด้วย ถือว่าเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ด้วย.

ด้าน นายส. คู่กรณีได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ เล่าว่า มีงบโครงการปรับปรุงศูนย์ราชการโดยมีผู้ใหญ่ให้ตนเอง หาผู้รับเหมาเตรียมเข้าไปทำ โดยที่ต้องมีการทำแบบ ตนก็ติดต่อไปตามสายงานคนที่รู้จักกัน และได้พาไปดูหน้างานจนเกิดความสนใจและจะจัดเตรียมค่าใช้จ่ายในการจะไปเอาแบบออกมา ซึ่งมีแบบออกมาแล้วและประมาณการมาแล้ว ซึ่งแบบอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่สายข้างในซึ่งมีเอกสารครบถ้วน ในส่วนเงิน 3 แสนบาทเป็นเงินค่าค้ำประกันแบบ โดยจะมีการออกใบเสร็จให้ หากไม่สนใจงานนี้ก็สามารถรับเงินคืนได้เต็มจำนวน ซึ่งตอนนี้แบบยังอยู่ในกรมส่วนกลางยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่มีโครงการจะปรับปรุงอาคารเพิ่มเติม ซึ่งตนเองก็เป็นพรรคพวกกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและทำงานด้วยกันซึ่งก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยหากมีการติดต่อจะผ่านทางปลัดหน้าห้องของผู้ว่าโคราชคนหนึ่งเป็นประจำและบางครั้งตนเองก็เคยโทรประสานงานกับทางผู้ว่าโคราชโดยตรง นายส กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ และพยายามโทรติดติดกับผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนมีการแจ้งความให้กับทางผู้สื่อข่าวหลายครั้ง โดยทางผู้สื่อข่าวก็แจ้งไปยังนาย ส.ว่าเรื่องนี้มีการกล่าวโทษไว้กับพนักงานสอบสวนแล้วคงต้องไปพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ต่อไป

ภาพ/ข่าว ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมา