อาสากู้ภัยนักเลง บุกทำร้ายคู่อริถึงหน้าห้องฉุกเฉิน

เมื่อเวลาประมาณ 04.20น. ได้เกิดเหตุ ชายวันรุ่นได้บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายชกต่อย เจ้าหน้าที่กู้ชีพของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุ้งกุศลธรรม ( มูลนิธิสว่างพะเยา ) ที่บริเวณจุดรถฉุกเฉิน ภายในโรงพยาบาลเชียงคำ อ.เชียงคำ จ.พะเยา 
ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นเจ้าหน้าประจำของมูลนิธิสว่างพะเยา และ อาสาสมัคร เจ็บ 3 ราย รายที่ 1.  นายณัฐวุฒิ วัชรพนาพงษ์ อายุ 21 ปี  มีรอยบวมช้ำบริเวณแก้มด้านขวา  (พนักงานขับรถกู้ชีพ)  2. นายภาสกร สถาน อายุ 17 ปี ( อาสาสมัคร ) มีบาดแผลบริเวณ ดั้งจมูกฉีก ช้ำบริเวณศรีษะ และ 3. นายเจษฎาพร เล่าเงิน 16 ปี (อาสาสมัคร) บาดเจ็บบริเวณท้ายทอย และ ศรีษะ

สอบถาม นายณัฐวุฒิ วัชรพนาพงษ์ อายุ 21 ปี ผู้ขับขี่รถกู้ชีพของมูลนิธิสว่างพะเยา ได้เล่าว่า เวลา 03.20น. ทางหน่วยได้รับการแจ้งเหตุให้ออกรับผู้ป่วยเพื่อนำมาส่ง รพ.เชียงคำ ตนจึงออกไปปฎิบัติหน้าที่โดนปรกติ ภายหลังจอดรถหน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อนำผู้ป่วยส่ง รพ.เชียงคำ และในขณะกำลังจะขับรถเตรียมตัวเดินขึ้นรถกลับจู่ๆ  นายแม็ก ซึ่งเป็น อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิลือชา จุด ภูซาง ที่พึ่งเปิดใหม่ได้เดินมาแล้วใช้กำปั้นต่อยที่ใบหน้าจำนวนหลายครั้ง และดึงกระชากกุญแจรถออกไปเพื่อจะดับเครื่องยนต์ จนกุแจได้รับความเสียหาย และ เดินไปด้านข้างรถเพื่อไปต่อยอาสาสมัครที่อยู่ด้านหลังรถ พร้อมทั้งดึงอุปกรณ์กู้ภัยออกมาจากรถแล้วโยนทิ้งกับพื้น พร้อมทั้งกระโดนถีบรถจนเป็นรอยเท้าหลายจุด

 ซึ่งมาทราบภายหลังว่า ก่อนที่พวกตนจะถูกทำร้าย นายแม็ก ได้จอดรถลงไปทำร้ายเจ้าหน้าที่อีกคนที่เดินไปซื้อของบริเวณ ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ด้านหน้าโรงพยาบาล ทั้งต่อยทั้งเขาใส่จนเจ้าหน้าที่ได้วิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือพนักงานภายใน 7-11ในเค้าเตอร์ แต่นายแม็ก ก็ตามเข้าไปถึงภายในเค้าเตอร์เพื่อทำร้ายร่างกายอีก  
ส่วนสาเหตุ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทางประธานมูลนิธิสว่างพะเยา ได้ออกหนังสือสั่งปลดให้พ้นจากการเป็นสมาชิกในหน่วย ด้วยความผิดหลายเรื่องที่ไม่อาจจะให้มาเป็นอาสาในหน่วยกู้ภัยได้ จึงอาจจะสร้างความโกรธแค้นให้กับ นายแม็ก จนเป็นเหตุให้บุกขับรถตามมาทำร้ายถึงภายในโรงพยาบาล

 ด้านนายประเสริฐ เจี๊ยะหลิม ประธานมูลนิธิสว่างพะเยา ( มูลนิธิกุ้งกุศลธรรม ) กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมเกเรมาหาเรื่องท้าตีท้าต่อยกับอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง แต่ทางอาสาสมัครก็ไม่มีใครตอบโต้  ครั้งนี้ถึงกับบุกมาทำร้ายภายในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ และ ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นบุคลากรในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ผ่านการอบรม EMT-B มาแล้วแต่ก็ยังมาทำร้ายคนในระบบด้วยกันเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำความผิดจนทางมูลนิธิ ต้องทำหนังสือเชิญออกไปจากหน่วย แต่ก็ไปวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ภายใน สสจ. บางคน เพื่อขอขึ้นทะเบียนเปิดเป็นหน่วยบริการ ทั้งที่ในเขตอำเภอภูซาง ก็มีหน่วยกู้ภัยอยู่แล้ว 2 หน่วย คือ สมาคมกู้ชีพกู้ภัยภูซางการกุศล ( หน่วยกู้ภัยภูซาง ) และ หน่วยของตนคือ มูลนิธิสว่างพะเยา ( หรือเดิม ชื่อ มูลนิธิกุ้งกุศลธรรม ) ซึ่งทั้ง2หน่วยก็ทำงานร่วมกันเพื่อประชาชนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด. แต่ภายหลังจากตนให้คนกลุ่มดังกล่าวออกไปจากหน่วย ก็ไปตั้งหน่วยงานใหม่มาขอแบ่งเขตโดยเกิดปัญหาทำงานทับซ้อน และ จะมีเรื่องที่พยายามชวนทะเลาะมาตลอด จนมาเกิดเหตุครั้งนี้ 
ซึ่งตนจะขอสู้คดีให้ถึงที่สุดไม่มียอมความเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของมูลนิธิฯ ที่ถูกย่ำยีมาโดยตลอด และเพื่อ ล้างบางพวกนักเลงในคาบกู้ภัย ให้ออกไปจากสังคม เพื่อไม่ให้เสียงชื่อเสียงของวงการกู้ภัย ซึ่งตอนนี้ตนได้พาเจ้าหน้าที่ และอาสา ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้ง3คนมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เชียงคำ โดยมี ร.ต.อ. บรมวิชย์ วังนัยกูล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เชียงคำ จ.พะเยา เป็นเจ้าของคดี

   ด้าน นายปัญญา เพชรแก้ว  หรือ บัง ภูซาง นายกสมาคมกู้ชีพกู้ภัยภูซางการกุศล ( หน่วยกู้ภัยภูซาง ) กล่าวว่า ในเขตพื้นที่อำเภอภูซาง เดิมเรามีหน่วยกู้ภัย 2 หน่วย ซึ่งเราทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน โดยไม่เคยมีเรื่อง ทะเลาะเบาะแว้งกัน เราอยู่กันแบบพี่น้อง รักใคร่กัน มาโดยตลอด จนหน่วยงานใหม่ ที่มาเปิดหน่วย ทำงานในพื้นที่ ซึ่งการเปิดหน่วย ปฏิบัติการ ในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ถ้าจะพูดถึงระเบียบจริงๆ จะต้องผ่านมติ ในที่ประชุม และต้อง มีการยินยอม จากหน่วยปฏิบัติงานเดิม ทั้ง 2 หน่วย เสียก่อนถึงจะเปิดได้ แต่ในส่วนของ มูลนิธิลือชา จุด ภูซาง เป็นการเปิดหน่วย ขึ้นมาโดยมิชอบ ซึ่งตน จะทำหนังสือ ถึงสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากตนคัดค้าน เรื่องการเปิดหน่วยใหม่หน่วยนี้มาโดยตลอด แต่ถ้าทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา ก็ไม่เคยรับฟัง จนทำให้ เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ชกต่อยกัน ภายในโรงพยาบาลเชียงคำ ซึ่งเหตุการนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่ผ่านการอบรม และ ขึ้นทะเบียนในระบบแล้ว เพราะมันสร้างความเสียหายในวงกว้าง ให้กับวงการกู้ชีพ-กู้ภัย เป็นอย่างมากจึงขอฝาก ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับอำเภอ จังหวัด และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ให้เข้ามาตรวจสอบ มูลนิธิลือชา จุด ภูซาง ที่สร้างปัญหา ในครั้งนี้ อย่างเร่งด่วน