หนุ่มโพสต์รูปตุ๊กๆเก็บค่าโดยสารแพงผิดคัน ถูกแจ้งความกลับ

จากกรณีที่ นายโกมล อุคะหา อายุ 50 ปี อาชีพขับรถตุ๊กตุ๊กในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคมผู้ประกอบการบริการเพื่อการท่องเที่ยวจ.สงขลา ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟสบุ๊คคนหนึ่งที่นำภาพของตนเองไปโพสต์ในสื่อโซเชียลว่าเป็นตุ๊กตุ๊กที่เรียกเก็บเงินค่าโดยสาร3 นักศึกษาสาวถึง450 บาท ทำให้ถูกสังคมประณาม ด่าทอ และส่งผลกระทบถึงครอบครัวทั้งภรรยาที่เป็นครูเพราะเข้าใจผิด 

ล่าสุดในวันนี้(10ต.ค.)ทางพนักงานสอบสวนสภ.นาหม่อม จ.สงขลา ได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งนายอภิชาต (ขอสงวนนามสกุล)  ที่เป็นผู้โพสต์ภาพได้ยอมรับผิดและขอขมาต่อ นายโกมล พร้อมกับนำกระเช้ามาแสดงการขอโทษ

โดยบอกว่า เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เมื่อเห็นภาพของ นายโกมล ยืนอยู่กับคณะกรรมการสมาคมฯก็คิดว่าจับตัวตุ๊กตุ๊กที่เก็บค่าโดยสารสูงเกินจริงได้แล้วจึงนำมาโพสต์ในสื่อโซเชียลที่โพสต์ข่าวนี้ทันทีโดยที่ไม่ได้อ่านให้รอบคอบ

เบื้องต้นนายโกมล ได้ยอมให้อภัยในความผิดพลาดและเชื่อว่าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่จะใส่ร้ายตน แต่ในส่วนของคดียังไม่มีการยอมความเพียงแต่ในวันนี้เป็นการคุยกันในเบื้องต้นและจะนัดมาคุยกันอีกครั้งว่าจะยอมความหรือไม่เพราะขณะนี้ยังมีสื่อโซเชียลบางแห่งที่ยังไปโพสต์อยู่นายโกมล บอกว่า ตนเสียหายและได้รับผลกระทบอย่างหนักกับการโพสต์ภาพผิด เพราะกลายเป็นจำเลยสังคมถูกคนด่าทางโซเชียล ครอบครัวซึ่งภรรยาที่เป็นครูก็ได้รับผลกระทบด้วย จึงต้องแจ้งความเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองและครอบครัวรวมทั้งผู้ที่มีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊กรับจ้างสุจริต แต่เบื้องต้นก็ยอมให้อภัยนายอภิชาต เพราะสงสาร และจะนัดคุยกันอีกครั้งในรายละเอียดของเรื่องนี้ว่าจะจบอย่างไร

นายโกมล กล่าวว่า ยังได้เก็บหลักฐานในสื่อโซเชียลทุกแห่งที่ได้ลงข่าวหรือข้อความในเชิงหมิ่นประมาทหรือใส่ร้ายป้ายสีโจมตีตนและภาพรวมของรถตุ๊กตุ๊ก และผู้ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นในทางเสื่อมเสียเพื่อแจ้งความเอาผิดเช่นกันหากยังไม่ลบโพสต์หรือหยุดแสดงความคิดเห็นด่าทอหรือใส่ร้ายให้เสียหายและหลังจากนี้จะไม่ยอมความเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้ต้นตอมาจากรถตุ๊กตุ๊กเพียงคันเดียวที่เก็บค่าโดยสารแพงแต่สังคมกลับประณามเหมารวมทั้งหมดโดยเฉพาะในสื่อโซเชียล

ด้าน นายอภิชาติ กล่าวว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตจากการเสพสื่อโซเชียลและโพสต์ภาพลงในโซเชียลโดยไม่คิดให้รอบคอบ และสิ่งที่สะท้อนกลับมามันหนักหนามากไม่เฉพาะตัวเองที่เดือดร้อนครอบครัวก็เดือดร้อนเพราะกลายเป็นคดีความซึ่งไม่โดนกับตัวก็ไม่รู้ว่าเดือดร้อนขนาดไหน  แค่คลิกผิดครั้งเดียวชีวิตก็เปลี่ยนทันที  และขอฝากเตือนไปยังคนอื่นให้ระวังในการใช้โซเชียลเพราะตอนโพสต์อาจจะไม่คิดอะไรแต่ตอนเป็นคดีขึ้นมามันยุ่งยากมากหากคู่กรณีไม่ยอมความ

    นภาลัย   ชูศรี   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สงขลา