วอนให้สึก พระคลั่ง ตรวจก็ไม่พบสิ่งผิด ชี้ สติไม่สมประกอบ

 (8  ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าญาติโยมที่มาช่วยกันทำเรือพนมพระ เพื่อใช้ในงานประเพณีลากพระ ออกพรรษา ประจำปี 2562 ภายในวัดโพธิ์เสด็จ หมู่ 8 ต.โพธิ์เสด็จ  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนว่าพระเอกชัย อายุ 40 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งพูดจาโหวกเหวกโวยวายอยู่ภายในกุฏิอย่างต่อเนื่อง สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่พระภิกษุ สามเณรและญาติโยมเป็นอย่างมาก และสร้างความเสื่อมเสียในภาพลักษณ์ของวัดและพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก

            จากการตรวจสอบพบว่าพบเอกชัย อยู่ภายในกุฏิหลังหนึ่งซึ่งล็อคกุญแจด้านหน้าอย่างแน่นหนา โดยพระเอกชัยจะเข้าออกทางหน้าต่างกุฏิแทน โดยภายในกุฏิพระเอกชัยจะพูดจากโวยวายเสียงดังเล็ดลอดออกมานอกห้องได้ยินอย่างชัดเจนแต่ฟังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่พระภิกษุที่จำพรรษาในกุฏิข้างเคียงอย่างมาก โดยเฉพาะหลวงพ่อจเร อายุ 83 ปี ซึ่งอาพาตอยู่ในกุฏิและต้องการพักผ่อนไม่สามารถทนเสียงโวยวายได้ต้องเดินถือไม้เถ้าพยุงร่างกายออกมานอกกุฏิอย่างยากลำบาก ในขณะชาวบ้านที่เข้ามาในวัดต่างสอบถามกันว่าใครส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เมื่อทราบว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์ต่างพากันวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

            พระภิกษุวัยชราอีกรูปหนึ่งที่จำพรรษาอยู่ในกุฏิข้างเคียง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 พระเอกชัย มีอาการคลุ้มคลั่งโวยวายอยู่ในกุฏิตัวเองเสียงดังลั่น จนชาวบานแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และทำการตรวจปัสสาวะแต่ไม่พบยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ จึงกลับไป ในขณะที่ญาติ ๆ ของพระเอกชัย พยายามจะปกป้องพระเอกชัย โดยระบุว่าก่อนบวชพระเอกนติดสุราอย่างหนัก แต่ไม่ถึงขั้นเป็นโรคสุราเรื้อรัง เข้ารับการรักษาที่ รพ.สุราษฏร์ธานี จนแพทย์ระบุว่าหายจากโรคติดสุราเด็ดขาดแล้ว จึงขอบวชเป็นพระภิกษุในช่วงพระครูโพธิสารประสาธน์ หรือ”พระอาจารย์ชม” เกจิชื่อดังภาคใต้ เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จ และเมื่อพระครูโพธิสารประสาธน์ หรือ”พระอาจารย์ชม” มรณภาพละสังขารไปเมื่อวันวิสาขบูชาวันที่ 30 พ.ค. 2561 พระเอก จะมั่วสุมเสพของมึนเมาและมีกลุ่มวัยรุ่นมาติดต่อมั่วสุมที่กุฎิของพระเอกเป็นจำนวนมาก

 

 

 

 

 

จึงขอให้ทางพระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุติ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจปัสสาวะพระภิกษุและสามเณรทุกรูป แต่พระเอกไม่ยอมเข้ารับการตรวจปัสสาวะและเก็บข้าวของหลบหนีไปจากวัดนานเกือบ 1 ปี จนเมื่อประมาณ 4-5  เดือนที่ผ่านมาพระเอกได้แอบกลับมาจำวัดที่กุฏิที่เกิดเหตุโดยไม่ได้แจงหรือขออนุญาติรักษาการเจ้าอาวาสใด ทางพระราสุทธิกวีจึงเรียกมาพบและแจ้งว่าการเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะต้องประพฤติตัวอยู่ในพระธรรมวินัย เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม แต่พระเอกชัย มีนิสัยและพฤติกรรมที่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียมัวหมอง จึงไม่อนุญาติให้มาจำวัดที่วัดโพธิ์เสด็จ เนื่องพระภิกษุ สามเณรเณร และญาติโยมตั้งใจที่จะพัฒนาวัดโพธิ์เสด็จ ซึ่งต่างร่วมแรงร่วมใจทุ่มเท เสียสละในการพัฒนาวัดโพธิ์เสด็จ เพื่อรองรับโครงการพระบรมธาตุมรดกโลก หากพระเอกชัยจำพรรษาที่วัดแห่งนี้จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของวัดได้  จึงขอให้กลับไปจำพรรษาจำวัดที่วัดเดิมไม่อนุญาติให้มาพำนักหรือจำพรรษาที่วัดโพธิ์เสด็จอีกต่อไป  แต่พระเอกชัย ไม่สนใจและโต้เถียงเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชชนิดคำไม่ตกฟาก และดึงดันฝ่าฝืนพำนักจำพรรษาในกุฏิหลังเดิมภายในวัดและมักจะมีวัยรุ่นมามั่วสุมในเวลากลางคืนเป็นประจำ จนกระทั้งเกิดอาการคลุมคลั่งขึ้นมาดังกล่าว

            “ตามปกติพระเอกชัย จะล็อคปะตูห้องด้านนอกและเข้าออกทางหน้าต่าง ไม่เคยปฏิบัติกิจของสงฆ์ และขอแบ่งอาหารที่พระภิกษุชรารูปหนึ่งออกบิณฑบาตฉัน ในขณะที่ช่วงกลางคืนหลังจากพระภิกษุ สามเณรจำวัดหมดแล้วจะมีวัยรุ่นเข้ามามัวสุมในกุฏิ บางครั้งก็นอนรวมกันในห้องพระเอกชัย ไม่แน่ใจว่ากลุ่มวัยรุ่นจะนำเอาสิ่งเสพติดมาให้พระเอกชัยเสพหรือไม่ เพราะเมื่อวัยรุ่นกลับไปพระเอกชัยมักจะมีอาหารคลุ้มคลั่งพูดจาโวยวายภายในกุฎิ โดยเฉพาะในช่วงหลังเทศกาลบุญสารทเดือนสิบที่พระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุติ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จได้ถวายเงินพระภิกษุ สามเณรรูปละ 2,000 บาท ทำให้พระเอกชัยมีอาหารคลุ้มคลั่งโวยวายในกุฏิ 3-4 วัดติดต่อกัน”

 

 

 

 

 

 

                                   (ภาพประกอบเมื่อครัั้งเจ้าหน้าที่ตำวจเข้าระงับเหตุเมื่อต้นเดือน สิงหาคม 2562)

ทางด้านญาติโยมที่มาช่วยสร้างเรือพนมพระและพัฒนาวัด กล่าวว่า คนที่มีอาการในลักษณะนี้จะเป็นพระภิกษุไม่ได้ คนสติฟั่นเฟือนไม่สามารถครองผ้าเหลือได้ ไม่สมควรที่จะเป็นพระภิกษุ เพราะรังแต่จะสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของวัด และพระภิกษุ สามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่อาการมึนเมา คลุ้มคลั่งขาดสติปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและคณะสงฆ์ควรจะตรวจวัดแอลกอร์ฮอล์ด้วย ไม่ใช่แค่ตรวจไม่พบสารเสพติดก็ปล่อยไปเลยตามเลยที่สำคัญทางคณะสงฆ์พระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุติ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จ จะต้องดำเนินการตามกฎระเบียบสงฆ์อย่างเคร่งครัด และอยากจะขอร้องญาติ ๆ ของพระเอกชัย ไม่ควรออกมาปกป้องอย่างไน้เหตุผลเหมือนที่ผ่าน ๆ มา อยากให้คำนึงถึงชื่อเสียงของวัดและพุทธศาสนา เพราะช่วงเทศกาลออกพรรษาและชักพระประจำปี 2562 จะมีพุทธศาสนิกชนมาทำบุญเป็นจำนวนมาก และหากพบเห็นพฤติกรรมของพระเอกชัย ชาวพุทธจะรู้สึกอย่างไรที่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ในสภาพและอาการเช่นนี้ จึงขอให้ทางญาติ ๆ ของพระเอกชัยรวมทั้งพระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุติ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จ ทำการสึกพระเอกชัยโดยเร่งด่วน และให้ญาติ ๆ นำไปเข้าสู่กระบวนการรักษาให้หายขาด และหากยังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์จริง ๆ ก็สามารถกลับมาบวชใหม่ก็ได้.

 

 

 

 

 

 

ภาพ/คลิป  ศูนย์ข่าวนคร 24ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ข่าว  ยุทธนะ  เตมะศิริ นครศรีธรรมราช