เปิดตัว 'ปาดังเบซาร์' สถานีรถไฟเชื่อมไทย-มาเลเซีย

 

                      เสียงปรบมือดังสนั่นติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ที่วันนี้การโดยสารทางรถไฟไม่ใช่เรื่องยากและวุ่นวายอีกต่อไปเหมือนเช่นในอดีต หลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดตัวสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) ที่พร้อมให้บริการประชาชนในพื้นที่และประชาชนทั่วไปอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมเป็นต้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

 

                      ที่ผ่านมาเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ต้นตอของปัญหามาจากเดิมผู้โดยสารที่ใช้บริการทางรถไฟ ถ้าหากต้องการเดินทางไป ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จะต้องเตรียมหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เหมือนกับเดินทางไปต่างประเทศ เพราะต้องนั่งรถข้ามแดนไปลงสถานีรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซีย แล้วจึงนั่งรถยนต์ย้อนกลับมาผ่านแดนเข้าประเทศไทย ทั้งนี้เพราะในพื้นที่ปาดังเบซาร์ไม่มีสถานีรถไฟอย่างเป็นทางการนั่นเอง

 

 

 

 

                      โดยการเปิดตัวสถานีรถไฟปาดังเบซาร์อย่างเป็นทางการครั้งนี้ “วุฒิชัย กัลยาณมิตร” ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการเดินรถไฟขบวนดีเซลรางพิเศษ (ดีอาร์ซี) หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ เที่ยวปฐมฤกษ์ เดินทางออกจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ ปลายทางที่สถานีรถไฟปาดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่การรถไฟของประเทศมาเลเซียเข้าร่วมด้วย พร้อมนั่งโดยสารขบวนรถดังกล่าวไปยังสถานีปาดังเบซาร์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดเดินรถในครั้งนี้ พร้อมนำคณะนั่งรถด่วนพิเศษ ETS (Electric Train Service) ของการรถไฟประเทศมาเลเซีย ไปยังสถานีรถไฟอลอร์สตาร์เพื่อร่วมสำรวจเส้นทางการเชื่อมโยงในอนาคต

 

                      นายวุฒิชัย กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบายความสำคัญของการเปิดสถานีรถไฟแห่งใหม่ว่า เป็นการนำร่องเพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนของการวางระบบรางในอนาคต เนื่องจากพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ เป็นพื้นที่รอยต่อพรมแดนประเทศไทย-มาเลเซีย ที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางระบบรางของประเทศไทย แม้วันนี้ระบบการให้บริการจะแตกต่างกัน โดยไทยยังเป็นขบวนดีเซลรางพิเศษ (ดีอาร์ซี) ขณะที่มาเลเซียให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (อีทีเอส) แต่ในอนาคต รฟท. มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาระบบให้มีความทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว

 

 

 

 

                      สำหรับการเปิดเดินรถขบวนพิเศษหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ ครั้งนี้ เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้เส้นทางดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการรองรับการเชื่อมโยงการเดินทางระบบรางในภูมิภาคอาเซียนด้วย เนื่องจากปัจจุบันมาเลเซียเปิดให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (อีทีเอส) ที่ครอบคลุมการเดินทางหลายพื้นที่ที่อยู่ติดกับชายแดนไทย

 

                      “การเปิดสถานีปาดังเบซาร์ มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียจากชายแดนเข้าไปเที่ยวหาดใหญ่และสงขลาได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสภาพการจราจรบนถนนสายหลักสะเดา-หาดใหญ่ ที่ติดขัดอย่างหนัก ซึ่งบริการครั้งนี้นำร่องก่อน 4 เที่ยวต่อวันและในอนาคตจะขยายเป็น 8 เที่ยวต่อวัน” นายวุฒิชาติ กล่าว

 

                      ขณะที่นายสมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา บอกว่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดสถานีรถไฟแห่งใหม่ เพื่อเป็นการรองรับการเชื่อมโยงเส้นทางเพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซียจะเข้ามาไทยก็ไม่สะดวกนักเพราะไม่มีรถไฟขบวนหลักในการให้บริการ ทำให้มีผู้โดยสารใช้เส้นทางการเดินทางระบบรางมีจำนวนน้อยเฉลี่ยประมาณ 100 คนต่อวันเท่านั้น เบื้องต้นหากเปิดสถานีและมีเส้นทางหลักระหว่างปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแน่นอน

 

 

 

 

                      สำหรับขบวนรถไฟดีเซลรางพิเศษหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ อัตราค่าโดยสารคนละ 80 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากเดินทางมาถึงสถานีปาดังเบซาร์ก็สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซียได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากสถานีปาดังเบซาร์จะมีขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองบัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง, เมืองอิโปห์ รัฐเปรัก และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

 

                      โดยข้อมูลตารางเวลาเดินรถไฟดีเซลรางปรับอากาศ 4 ขบวนต่อวัน ประกอบด้วยขบวน 947 หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีหาดใหญ่ เวลา 07.30 น., ขบวน 948 ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ เวลา 08.58 น., ขบวน 949 หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีหาดใหญ่ 13.05 และขบวน 950 ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ ออกจากสถานีปาดังเบซาร์เวลา 14.43 น.

 

 

 

-------------------