Lifestyle

“ประวัติศาสตร์ของสีย้อมผมโลก ”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นักเทววิทยาพบหลักฐานสำคัญในการเปลี่ยนสีผิวและผมของมนุษย์มาหลายพันปี ชนชาวกอล (GAULS) ในอาณาจักรโรมันโบราณและชาวอังกฤษโบราณแซคซอน (SAXONS) นิยมย้อมผมเพื่อโชว์ถึงตำแหน่งหน้าที่สำคัญของเผ่าและสร้างอำนาจข่มศัตรูในการรบ ชาวบาบิโลเนียนโบราณนิยมพรมทองคำที่เป็นผ

 ในยุคศตวรรษต้นๆ ที่เรียกว่า DARK AGES ระหว่าง ค.ศ. 476-1000 ยุคมืด คนผมสีแดงมักหมายถึงพวกแม่มดหรือผู้มีพระเวทย์ทางไสยศาสตร์ จวบจนศตวรรษที่ 16 พระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 1 ของอังกฤษ ที่ทรงพระนามว่า พระราชินีพรหมจรรย์ (VIRGIN QUEEN) เป็นผู้แรกที่ทำให้ผมสีแดง เป็นที่ยอมรับ นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้เฮนน่า สีจากพืชชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในอียิปต์โบราณในการย้อมผม ย้อมผิวหรือทำสีแต่งหน้าของชาวอียิปต์ ในราชวงศ์ชั้นสูง อีกทั้งสีที่ได้จากอัญมณีต่างๆ ใช้ในการย้อมผมทั้งสิ้น

 จวบจนอาณาจักรยุคบาร็อค (BAROQUE) ซึ่งเป็นยุคที่แฟชั่นโด่งดังเฟื่องฟูจากอิตาลีการทำวิกสีต่างๆ เริ่มแพร่หลาย เช่น ชมพู, ขาว, เหลือง ฯลฯ ที่ใช้โทนสีอ่อนๆ จนมีความหมายนิยมสูงกระจายไปทั่วยุโรป ในยุคนี้ การใช้สารโปรแทสเซียม ไลซ์ (POTASIUM LYE) และโซเดียมไฮดรอกไซด์ (CAUSTIC SODA) เริ่มนิยมใช้ยุคนี้ เพื่อฟอกสีผมให้สว่างขึ้น ซึ่งสตรีในยุควิกตอเรียน ใช้ผมที่ทรีตเมนต์ด้วยวิธีนี้ โดยสวมหมวกปีกกว้าง เจาะรู เปิดด้านบนเพื่อรับแสงแดด ที่จะทำให้ผมสีสว่างขึ้น จากสารเคมีดังกล่าว ในยุคนั้นผมสีขาว เริ่มเป็นที่นิยมในแวดวง จึงมีการนำแป้งมาทำให้สีผมขาวขึ้น การใช้สารเคมียาฆ่าซิลเวอร์ไนเตรด (SILVER NITRATE) เพื่อทำให้ผมเข้มขึ้น และถ้าใช้มากเกินไปก็ทำให้ผมเป็นสีม่วงสวยงาม

 นั่นคือจุดเริ่มแรกของการใช้สีย้อมผมแบบ SYNTHETIC HAIR DYE ที่เราเห็นพวกพังก์ ใช้กันในปัจจุบันเป็นแฟชั่น ในปีค.ศ.1800 นักเคมีค้นพบ สารพาราฟินิลีนไดอะมีน (PARA-PHENYLENEDIAMINE) (PPD) ในการสร้างสรรค์สีผมงดงาม และได้ค้นพบไฮโดรเจน เปอร์ร็อกไซด์ ที่สามารถเปลี่ยนสีผมได้โดยวิธีนุ่มนวลและปลอดภัย และนั้นเป็นการเกิดสินค้าทางพาณิชย์ขึ้นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

 ช่างผมคนดังในอดียยุค ค.ศ.1960 ที่ผู้เขียนได้รู้จัก คือนายเดเนียล แกลวิน (DANIEL GALVIN) เป็นช่างผมคนแรกของโลกในยุค 1960 ที่ทำให้สีผมเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เข้าสู่กระแสของอาชีพใหม่ที่เรียกว่า ผู้เชียวชาญด้านสีผม หรือ HAIR COLORIST ในยุคที่นายวิดัส ซาสซูน โด่งดังด้านตัดผม เขาจะมีชื่อเสียงด้านสีผม เป็นคนแรกของโลกที่เริ่มเทคนิคทำสีไฮไลท์ ขึ้นเป็นคนแรกและสร้างชื่อ ในการเปลี่ยนแปลงแฟชั่นครั้งยิ่งใหญ่กับผมสีบลอนด์ให้แก่นางแบบดัง ในยุคนั้นคือ ทวิกกี้ เขาโด่งดังมากมายในยุคนั้น มีลูกค้ามากมาย เช่น เจ้าหญิงไดน่า, นายกรัฐมนตรีมากาแร็ต แทซเซอร์ จนถึงมาดอนน่า

 ในยุค 80 การทำสีเริ่มโด่งดังและนิยมในญี่ปุ่นเป็นที่แรกในเอเชีย และค่อยมีความนิยมสูงขึ้น จึงทำให้สีผมเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ชาวเอเชียที่นิยมผมดำเปลี่ยนแปลงสีผมเป็นสีต่างๆ เป็น แนวนิยมของช่างผมผู้นี้ในยุค 1960-1980 ปัจจุบัน สีผมมี 4 ประเภทที่ได้รับความนิยมและใช้กันในปัจจุบัน คือ

 1. สีไม่ถาวร อันได้แก่สีที่มีในแชมพู, ครีมนวด, มูล์ หรือเจล, สเปรย์ ที่มีสีปรากฏอยู่ภายนอกผม สามารถเปลี่ยนผมให้เป็นสีชั่วคราว ล้างออกได้

 2. สี SEMI-PERMANENT สีที่เคลือบอยู่ภายนอก ในเนื้อผมนั้นมีส่วนประกอบของ 3 ส่วน ในโครงสร้าง ผิวนอก, ผิวกลาง และชั้นใน สีประเภทนี้จะอยู่แค่นอกสุด ปิดผมขาวได้ไม่สนิท แต่ทำให้สีผมสดใสขึ้น เราจะเห็นได้แก่สีอบไอน้ำ หรือสีที่ใช้กับพวกพังก์

 3. สีที่เป็นกึ่งถาวร เราเรียกว่า DEMI-PORMANENT ที่มีส่วนผสมของไฮโดเจนเปอร์ร็อกไซด์ อ่อนๆ เบาบางปิดผมขาวได้ 50% และมีโทนสีที่ไม่สว่าง

 4. สีผมแบบถาวร ที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ร็อกไซด์ สามารถปิดผมขาวและทำให้สีสว่างขึ้น โดยสีจะเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของสีผม จากผิวนอกจรดภายในแบบถาวรรวมไปถึงการฟอกสีและยังมีสีอีกมากมายที่มาจากเฮนน่า ที่เคลือบอยู่ภายนอก ซึ่งใช้ไปนานๆ อาจทำให้ผมยากต่อการดัด, ทำสีใดๆ ทั้งปวง การใช้เฮนน่าจะดีในยุคโบราณ เพราะยังไม่มีมลภาวะมาก ในยุคปัจจุบัน การใช้เฮนน่าแล้ว ใช้ไดร์เป่าผมมากๆ อาจจะทำให้ผมแห้งได้

 มีเฮนน่าบางประเภทที่เรียกว่า เมทาลิก เฮนน่า ที่มีส่วนผสมของสังกะสี ใช้ผสมน้ำ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพมาก การใช้สีผมแบบแฟชั่นน่าจะอยู่ในมีผู้เชี่ยวชาญ ด้านสีผมในร้านผมชั้นนำมากกว่าจะซื้อมาใช้เอง นอกเสียจากการทำสีผมปกปิดผมหงอกหรือเปลี่ยนสีให้สว่างขึ้น เท่านั้น

 "ป๊อก เชลซี"

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ