ข่าว

“จริยธรรม” คำตอบสู่สันติสุข ของ “หนูสิ” สิริรัตน์ เรืองศรี

“จริยธรรม” คำตอบสู่สันติสุข ของ “หนูสิ” สิริรัตน์ เรืองศรี

17 ส.ค. 2553

เป็นคนงามอย่างมีคุณค่าคนล่าสุดของเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2553 ปีนี้มงกุฎเพชรไม่ได้หลงทางไปหล่นตุ๊บอยู่บนศีรษะของม้ามืดที่ไหน หาก “หนูสิ” สิริรัตน์ เรืองศรี วัย 22 ปี สาวเชียงใหม่แต้ๆ ผู้เจนเวที เธอฉายพลังความงามพร้อมสติปัญญาเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ อีก 29 คน จ

  และดูเหมือนจะเป็นอีกปีที่ได้นางงามถูกโฉลกเหล่ากูรูขาอ่อนทั้งหลาย ด้วยความสูงถึง 178 ซม.เกินมาตรฐานสาวไทย ทำให้เชื่อว่าเมื่อส่งไปยืนประชันกับสาวตาน้ำข้าวแล้วงานนี้มีลุ้น!!! ซึ่งสาวว่าที่บัณฑิตกฎหมายจากรามคำแหงคนนี้ เธอมั่นใจจะนำความโดดเด่นพร้อมยิ้มสยามไปประกาศศักดาที่จีนเจ้าภาพการประกวดมิสเวิลด์ 2010 ปลายเดือนตุลาคมนี้

  มั่นอกมั่นใจขนาดนี้ ใช่ว่าจะหลักลอย หนูสิมีดีไม่น้อย ต้องยอมรับว่าหลายสิ่งหลายอย่างถอดพิมพ์มาจาก สิริสิทธิ์ เรืองศรี คุณพ่อนักกฎหมายเจ้าของ “สำนักทนายความพายัพ”ในอำเภอแม่ริม ซึ่งฝึกให้ลูกสาวหนึ่งเดียวในจำนวน 3 คนของบ้านเป็นคนพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา และแน่นนอนว่าฝันสูงสุดในชีวิตที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามงกุฎเพชรเลอค่าคือการเป็นผู้พิพากษาหญิงที่สวยที่สุด

 “สิ่งแรกที่อยากบอกกับคุณพ่อคุณแม่หลังจากทำสำเร็จ คือ ที่สิมีความมั่นใจก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ พ่อกับแม่เคยบอกว่า สิคือความภาคภูมิใจของท่าน” หนูสิ กลั่นความรู้สึกพร้อมน้ำตา

 แต่การได้มาซึ่งความเฉลียวฉลาด เธอย้ำหนักๆ ว่าต้องมีโอกาสทางการศึกษา ในฐานะที่ตัวเองกลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน จึงอยากใช้โอกาสนี้ในทางสร้างสรรค์ นั่นคือการเป็นกระบอกเสียงให้แก่เด็กๆ ที่ขาดโอกาส โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งจากการไปร่วมเก็บตัวทำกิจกรรมกับกองประกวดที่โรงเรียนบ้านแหลมทราย จ.ภูเก็ต ทำให้รู้ว่าเด็กไทยมีศักยภาพ สามารถเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของชาติได้ เพียงแต่ขาดโอกาสเท่านั้นเอง การได้อยู่จุดนี้แล้วทำให้เสียงของตัวเองดังขึ้นก็น่าจะช่วยเหลือน้องๆ เพื่อประเทศไทยของเรา 

 ทว่าการศึกษาที่ดีแล้ว ว่าที่นักกฎหมายคนสวยบอก “ยังน้อยไป” เพราะคนเราจะเก่งทั้งทีต้องเก่งและเป็นคนดีให้ได้ด้วย เธอจึงอยากให้ทุกคนไม่ลืม “จริยธรรม” เพราะนั่นนำมาสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข จึงไม่แปลกที่นอกเหนือจากการเป็นคนเชื่อเรื่องของเครื่องรางของขลังสุดๆ และตั้งใจอธิษฐานว่าหากได้ตำแหน่งสูงสุดนี้จะงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต เธอจะพยายามดำเนินชีวิตบนหลักธรรมะ พร้อมๆ กับเป็นนักกฎหมายที่มีจริยธรรม 
 
 “วิชาความรู้อื่นๆ เราเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพความสามารถตัวเอง แต่วิชาจริยธรรมจะทำให้เราเป็นคนดี เมื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็จะทำให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีสันติสุข”
และนั่นก็เป็นคำตอบสุดท้ายที่พลิกชีวิตของสาวผู้โชคดีที่สุดค่ำคืนก่อน...