ไลฟ์สไตล์

เบาหวานกับโควิด ชีวิตไปทางไหน

เบาหวานกับโควิด ชีวิตไปทางไหน

06 ก.ค. 2564

เบาหวานกับโควิด ชีวิตไปทางไหน เมื่อผู้ป่วยเบาหวานจัดอยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด แต่ทุกปัญหาด้านสุขภาพย่อมมีทางออกเสมอ โดยไม่ต้องมากังวลกับความรุนแรงและการเสียชีวิต

ในช่วงนี้ที่โควิด19 ยังคงระบาดและมีผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน มีข้อมูลที่ทำให้คนเป็นเบาหวานรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ ผู้ป่วยโควิด19ที่เสียชีวิตหลายคนถูกระบุว่ามีประวัติเป็นเบาหวานมาก่อน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รู้ทัน 'ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน'ร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำหลังฉีดวัคซีน โควิด19

จากความกังวลใจเรื่องนี้ โรงพยาบาลนวเวช จึงได้จัดสัมมนากลุ่มย่อยเรื่องเบาหวานกับโควิด ชีวิตไปทางไหน โดยเชิญนพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล อายุรแพทย์ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลนวเวช มาให้คำแนะนำว่าผู้ป่วยเบาหวานควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อลดโอกาสการเสียชีวิตเมื่อติดโควิด

โดยมีผู้ป่วยเบาหวาน ผู้มีความเสี่ยง ผู้ดูแลคนไข้เบาหวาน และผู้ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนาที่จัดขึ้นแบบ Social Distancing ซึ่งข้อมูลที่คุณหมอแนะนำและการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสัมมนาครั้งนี้นับว่าน่าสนใจ ใครไม่ได้ไปร่วมงาน ลองอ่านและนำไปปฏิบัติตามก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย

ผู้ป่วยเบาหวานติดโควิด เสี่ยงรุนแรง เสี่ยงเสียชีวิต

นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า แม้ผู้ป่วยเบาหวานจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไม่ต่างจากคนไม่เป็นเบาหวาน แต่หากติดเชื้อแล้วจะมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงกว่าต้องดูแลรักษามากกว่า อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เชื้ออาจลงปอดได้มากกว่า อาจต้องเข้าไอซียูมากกว่า และมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนไม่เป็นเบาหวาน3-4เท่า

เหตุผลที่ทำให้คนเป็นเบาหวานที่ติดเชื้อโควิด19มีอาการรุนแรงก็เพราะคนที่เป็นเบาหวานมีภูมิต้านทานต่ำกว่าคนปกติ เนื่องจากน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นจะทำให้เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคอ่อนแอลง และเมื่อติดเชื้ออักเสบลุกลาม ร่างกายก็เกิดความเครียดที่จะต้องต่อสู้กับเชื้อโรค โดยหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้ก็เป็นตัวสำคัญในการสร้างน้ำตาลให้สูงขึ้นอีก

นพ.ธวัชชัย อธิบายเพิ่มว่า ในเยื่อบุร่างกายของคนเรามีตัวรับเชื้อโรคที่เรียกว่าAEC2 Receptorอยู่แทบทุกเซลล์ ทั้งหัวใจ หลอดเลือด ตับ ไต ปอด เมื่อเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายจะไปจับกับAEC2Receptorแล้วแบ่งตัว กระจาย ลุกลาม คนที่เป็นเบาหวานเมื่อติดเชื้อโควิด ถ้ามีภาวะน้ำตาลสูง เชื้อโควิดก็จะแบ่งตัวได้เร็วขึ้น และมีโอกาสกระจายเข้าสู่ปอดได้เร็วขึ้นด้วย

ผู้ป่วยเบาหวานยิ่งอายุมาก ยิ่งเสี่ยงมาก

นอกจากเรื่องภูมิต้านทานต่ำแล้ว อายุก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ นพ.ธวัชชัย ให้ข้อมูลว่า จำนวนผู้ป่วยเบาหวานในเมืองไทยที่มีอายุ15ปีขึ้นไปมีประมาณ9% หรือประมาณ5ล้านคน แต่ช่วงอายุที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ60-70ปี คิดเป็นเกือบ20%

คนที่เป็นเบาหวานส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ การที่มาตรวจพบว่าเป็นเบาหวานตอนอายุ60ปีนั้น ความจริงอาจเป็นมาตั้งแต่อายุ30ปีก็ได้ ซึ่งการเป็นเบาหวานมานานจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดแดงตีบ หัวใจ อัมพาต ตา ไต เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานซึ่งมีพื้นฐานร่างกายไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งมีโอกาสถูกซ้ำเติมจากโควิดได้ง่ายขึ้น

คุมน้ำตาลให้ดี ช่วยลดความเสี่ยงจากโควิด

แม้จะเป็นเบาหวาน แต่ถ้าคุมน้ำตาลได้ดี ต่อให้ติดโควิด19ก็ยังเบาใจได้ เพราะโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจะน้อยลง การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายจะดีกว่าคนที่ไม่คุมน้ำตาลไม่ดี

นพ.ธวัชชัย กล่าวถึงตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าเราคุมน้ำตาลได้ดีแค่ไหน มีอยู่3ตัว คือ

1.FBS(Fasting Blood Sugar) หรือน้ำตาลก่อนอาหาร ค่าที่ได้ไม่ควรเกิน130 mg/dL. แต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายที่เข้มงวดคือไม่ควรเกิน110 mg/dL.

2.HbA1Cหรือน้ำตาลเฉลี่ย ค่าปกติอยู่ที่4-6% ค่านี้สะท้อนถึงการแกว่งของน้ำตาลในช่วง3เดือนที่ผ่านมา เป้าหมายการรักษาต้องการให้A1Cไม่เกิน7%คำนวนเป็นค่าเฉลี่ยน้ำตาลไม่เกิน154 mg/dLถ้ารักษาอย่างเข้มงวดไม่เกิน6.5%คำนวนค่าเฉลี่ยน้ำตาลไม่เกิน 140mg/dL.

3.น้ำตาลหลังอาหาร โดยวัดหลังจากรับประทานอาหาร1-2ชั่วโมง ไม่ควรเกิน180 mg/dL.ถ้าต้องการตั้งเป้าหมายที่เข้มงวดต้องคุมไม่ให้เกิน140 mg/dL.

“น้ำตาลเป็นสารพิษที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหน้าที่ต่างๆ ระดับเซลล์ ผู้ป่วยเบาหวานถ้าไม่อยากเสียชีวิตจากโควิด ต้องคุมน้ำตาลให้ดี กินอย่างไรก็ได้ที่ไม่ทำให้น้ำตาลสูง ให้แกว่งตัวแคบๆ ในช่วง70-180 mg/dL. เพื่อให้ค่าเฉลี่ยออกมาน้อยกว่า7% เราไม่ต้องการให้น้ำตาลแกว่งมาก เช่น50-300 mg/dL. แม้ว่าค่าเฉลี่ยA1Cจะออกมา7% ก็ไม่ดี เพราะน้ำตาลต่ำอันตราย น้ำตาลสูงก็อันตราย คนที่เป็นเบาหวานจะมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการควบคุมน้ำตาลอยู่3วิธี คือ อาหาร ออกกำลังกาย และยา ต้องทำให้ 3 สิ่งนี้สมดุล เพื่อให้น้ำตาลแกว่งอยู่ในช่วง70-180mg/dL.” นพ.ธวัชชัย กล่าว

ได้ทราบวิธีที่จะช่วยลดอาการรุนแรงของผู้ป่วยเบาหวานที่ติดเชื้อโควิดไปแล้ว แต่การป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อคือวิธีที่ดีที่สุด ซึ่ง นพ.ธวัชชัย ได้ทิ้งท้ายว่าถ้าไม่ติดโควิดก็ไม่ต้องมากังวลกับความรุนแรงและการเสียชีวิต คำแนะนำในการป้องกันโควิดก็เช่นเดียวกับคนทั่วไป คือ สวมแมสก์ ล้างมือ เว้นระยะห่าง และฉีดวัคซีนป้องกันให้เร็วที่สุด

ขอบคุณที่มา : โรงพยาบาลนวเวช