ข่าว

"รถ EV" จะมีในบ้านเราจริงเหรอ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เทรนด์โลก "รถ EV" หรือยานยนต์ไฟฟ้า ไร้ควัน ไม่ปล่อยมลพิษ แต่ในไทยจะมี "รถ EV" เกลื่อนถนนแทนที่รถยนต์เติมน้ำมัน ได้จริงหรือไม่

เทรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ "รถ EV" หรือ ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นตลาดที่เติบโตสวนทางธุรกิจอื่นในสถานการณ์โควิด-19

บริษัทรถยนต์ยักษ์หลายแห่งปรับตัว บ้างเลิกผลิตรถบางรุ่น หันมาลงทุนกับการผลิต "รถไฟฟ้า" และ "รถไฮบริด" เต็มตัว คาดการณ์กันว่าในปี 2030 (พ.ศ.2573) ทั่วโลกจะมีการใช้สูงถึง 25-40 ล้านคัน จากปัจจุบัน 10 ล้านคัน

สำหรับในบ้านเรา "รถ EV" จะมีใช้อย่างแพร่หลายจริงหรือไม่ อะไรเป็นข้อจำกัดบ้าง

ปัจจุบันในประเทศไทย คนยังใช้รถไฟฟ้ากันไม่มากนัก โดย ศูนย์วิจัยกรุงไทย (Krungthai COMPASS) ได้เปิดเผยจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าในไทย สิ้นปี 2563 มีการใช้เพียง 1.9 แสนคัน หรือเพียง 1% ของยานยนต์ทั้งหมด

นอกจากเรื่องราคารถ EV ในปัจจุบันที่ยังค่อนข้างสูงแล้ว อีกข้อจำกัดสำคัญที่ ทำให้คนไทยลังเลที่จะตัดสินใจซื้อรถ EV มาใช้งานคือสถานที่ชาร์จไฟ

โดยปัจจุบัน สถานีชาร์จรถ EV มีของการไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, ปตท. และ EV Any where ที่เป็นของบริษัทเอกชน จุดที่ตั้งส่วนใหญ่ยังเทียบจำนวนไม่ได้กับปั๊มน้ำมัน

"รถ EV" จะมีในบ้านเราจริงเหรอ?

 

"รถ EV" ที่ขายดีในโลกนี้ เป็นรถเฉพาะรุ่นที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรีได้ ประเภท Plug-in Hybrid (PHEV) และ Battery Electric Vehicle (BEV) อธิบายง่าย ๆ ได้ดังนี้

PHEV ใช้พลังงานผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับไฟฟ้าจากแบตเตอรีเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ ความจุแบตเตอรี 6-14 kw วิ่งได้ 25-50 กิโลเมตร 

BEV ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี 100% ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟเข้าแบตเตอรีเท่านั้น เช่น Teala Model3 ความจุแบตเตอรี 60-90 kw วิ่งได้ 25-50 ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ซึ่ง "รถ EV" ควรชาร์จไฟจนเต็มประจุ 1 ครั้งทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเซลล์เก็บประจุให้ทำงานครบ ช่วยลดการเสื่อมของแบตเตอรี ในการใช้งานระยะยาว

ค่าไฟในการชาร์จ รถ EV ถูกกว่าค่าน้ำมัน ประมาณ 0.7 - 1 บาท ต่อกิโลเมตร ขณะที่การเติมน้ำมันรถไป ประมาณ 3 บาท ต่อการวิ่ง 1 กิโลกรัม ประหยัดค่าเชื้อเพลงรถได้มากกว่า 3 เท่า สำหรับการชาร์จไฟเองที่บ้าน ส่วนการชาร์จที่สถานี อาจมีการบวกค่าบริการเพิ่ม แต่ ๆ การชาร์จไฟเองที่บ้าน ไม่ใช่การนำปลั๊กไปเสียบได้ทันที!!!

เพราะสายไฟบ้านทั่วไปในไทย ทนกระแสไฟได้ 10 A แต่สายชาร์จที่มากับรถ EV สามารถดึงกระแสไฟสูงสุดถึง 12 A เกินสายไฟบ้านรับได้ หากจะชาร์จไฟที่บ้าน ต้องเดินสายไฟใหม่ เป็น 4 Sq.mm. ขึ้นไป สำหรับเต้าเสียบนี้เท่านั้น และต้องเดินสายดินด้วย

ดังนั้นการจะชาร์จไฟที่บ้านทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนยังไม่ซื้อ "รถEV" นอกจากนี้ราคาอะไหล่ อู่ซ่อม ที่ยังมีข้อมูลไม่มากเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ก็เป็นอีกโจทย์ที่ต้องเร่งส่งเสริม 

 

"รถ EV" จะมีในบ้านเราจริงเหรอ?

 

อีก 7 ปีไทยจะใช้ "รถ EV" ล้านคัน!!

กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัยกรุงไทย (Krungthai COMPASS) ได้วิเคราะห์สถานการณ์ "ยานยนต์ไฟฟ้า" มองว่า ไทยมีข้อได้เปรียบ จากการที่เป็นฐานผลิตยานยนต์เครื่องยนต์ ICE แบบดั้งเดิมมาอย่างยาวนาน ประกอบกับกลยุทธ์การทำตลาดของผู้ผลิตยานยนต์ OEM ในประเทศ ที่ยังคงเน้นทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดตามบริษัทแม่ในญี่ปุ่น

ยอดใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมในไทยมีโอกาสแตะ 1 ล้านคันได้ในปี 2028 ( พ.ศ.2571) หรือขยายตัวเฉลี่ยราว 24% ต่อปี โดยคาดว่ายอดใช้ "รถไฮบริด" จะมีสัดส่วนสูงถึง 93% ของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

นอกจากนี้ มาตรการภาครัฐที่จะสนับสนุนทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย มีโอกาสต่อยอดเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ที่แข็งแกร่งของภูมิภาคในอนาคตด้วย

แม้ดูว่าการทำให้คนไทยใช้ "รถ EV" ให้มากขึ้น ยังต้องทำอะไรอีกมาก แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ที่คุ้มค่า เพราะจุดเด่นของ "รถ EV" ที่ไม่ปล่อยมลพิษ จะมาช่วยปัญหาที่เมืองใหญ่ต้องเผชิญอย่างหนักหน่วงได้  

อ้างอิง : 

Krungthai COMPASS

https://www.motorexpo.co.th/news/2797

https://travel.trueid.net/detail/Y6egna82V3zG

ภาพประกอบจากhttps://unsplash.com/s/photos/ev-car

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ