ข่าว

ไขปริศนา "อุกกาบาต" พุ่งชนโลก ความน่าสะพรึงกลัวที่ ไดโนเสาร์ ต้องสูญพันธุ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไขปริศนา ดาวตก "อุกกาบาต" ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 66 ล้านปี กับความน่าสะพรึงกลัว สะเก็ดดาวอังคาร 15 กิโลเมตร พุ่งชนโลก จนทำให้ไดโนเสาร์ ต้องสูญพันธุ์

สด ๆ ร้อน ๆ กับเหตุการณ์สะเก็ดดาวตก "อุกกาบาต" ซึ่งกำลังกลายเป็นที่น่าตื่นตา ตื่นใจกับชาวเชียงใหม่ และชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าว หลายคนอาจเรียกว่า ดาวตก หรือสะเก็ดดาว  ดังนั้น ในวันนี้จึงมาไขข้อข้องใจกันว่า แท้จริงแล้วปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่านักวิชาการ เขาเรียกกันว่าอย่างไร

 

ไขปริศนา "อุกกาบาต" พุ่งชนโลก ความน่าสะพรึงกลัวที่ ไดโนเสาร์ ต้องสูญพันธุ์

 

 

คำว่า "อุกกาบาต" ก็คือ หินจากนอกโลก หรือที่อยู่ในอวกาศ และตกลงมาบนผิวโลก หรือตกลงมาบนผิวดาวเคราะห์แล้ว แต่ในขณะที่เจ้าสิ่งนี้อยู่ในอวกาศ จะมีชื่อเรียกว่าดาวเคราะห์น้อย หรือสะเก็ดดาว (Meteoriod) และเมื่อพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ด้วยความเร็ว 40-70 กิโลเมตร/วินาที ก็จะเกิดการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้เกิดความร้อน และลุกไหม้เป็นแสงสว่าง

 

ไขปริศนา "อุกกาบาต" พุ่งชนโลก ความน่าสะพรึงกลัวที่ ไดโนเสาร์ ต้องสูญพันธุ์

 

และในขณะที่เจ้าหินก้อนนี้ เกิดไฟลุกไหม้ จนเกิดกระกายไฟเป็นแสงสว่าง ตามที่หลาย ๆ เคยเห็นนั้น ซึ่งในช่วงจังหวะนี้เอง เราจึงเรียกว่า "ดาวตก"

แต่ "ดาวตก" มันก็ยังคงพุ่ง และเสียดสีอยู่กับชั้นบรรยากาศของโลก อยู่บนฟ้า จนกระทั่งเมื่อตกลงพื้นดิน หรือพื้นผิวโลกแล้ว เราจึงเรียกว่า  "อุกกาบาต"

 

อย่างไรก็ตาม "อุกกาบาต" ที่ตกลงมายังพื้นโลกมีหลายขนาดด้วยกัน หากเป็นก้อนเล็กๆ ก็จะเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก จนเกิดการลุกไหม้ และแตกกระจายไป แต่ถ้าเป็น "อุกกาบาต" ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อผ่านเข้าชั้นบรรยากาศของโลก ก็จะถูกเผาไหม้เช่นกัน แต่ด้วยความที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้หินอวกาศดังกล่าว ถูกเผาไหม้ไม่หมด และตกลงมาบนพื้นโลก จนเกิดหลุมอุกกาบาต ตามที่เคยมีการนำเสนอข่าวคราว และเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้ว จากทุกมุมโลก

ที่นี้เรามาดูกันว่าชนิดของ  "อุกกาบาต"  มีอะไรกันบ้าง

 

C-type  "อุกกาบาต" คาร์บอนมีสีคล้ำ มีองค์ประกอบเป็นคาร์บอน

S-type  "อุกกาบาต" หิน มีองค์ประกอบเป็นซิลิกา

M-type  "อุกกาบาต" โลหะ มีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิเกิล

 

และจากข้อมูลที่ค้นพบ ยังได้ระบุด้วยว่า นอกจาก "อุกกาบาต" จะเกิดขึ้นจากสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยแล้ว ยังมี "อุกกาบาต" ที่ตกลงมายังพื้นโลก ซึ่งมีที่มาจากดวงจันทร์ และดาวอังคารอีกด้วย โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2539 หรือเมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมา  ได้มีการค้นพบ "อุกกาบาต ALH84001" ซึ่งเป็นสะเก็ดของดาวอังคาร ที่ตกลงบนน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติก ซึ่งคาดการณ์ว่า "อุกกาบาต" ที่เป็นสะเก็ดดาวอังคารนี้ จะมีอายุถึง  66 ล้านปีเลยทีเดียว

 

 

แน่นอนละครับ เมื่อพูดถึงเรื่อง "อุกกาบาต" หรือดาวตกพุ่งชนโลก หลายๆ คนอาจมีการตั้งคำถามกันว่า ถ้าเจ้าสิ่งนี้ มันมีขนาดใหญ่ละ อะไรจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ชาติทั่วทั้งโลกหรือไม่ ฉะนั้น จึงขอยกตัวอย่าง นำเอาเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อครั้งอดีต จนเกิดความน่าสะพรึงกลัวมาแล้ว เพราะคราวนั้นทำให้สิ่งมีชีวิตต้องสิ้นไปตามๆกัน   

 

ไขปริศนา "อุกกาบาต" พุ่งชนโลก ความน่าสะพรึงกลัวที่ ไดโนเสาร์ ต้องสูญพันธุ์

 

โดยนักวิทยาศาสตร์ และคณะนักธรณีฟิสิกส์นานาชาติจากหลายสถาบัน ที่เข้าไปศึกษาชั้นหินจากหลุมอุกกาบาตชิกซูลุบ (Chicxulub) ในประเทศเม็กซิโก ที่พุ่งชนโลกเมื่อราว 66 ล้านปี ได้ให้ความคิดเห็นว่า "อุกกาบาต" ขนาดใหญ่ที่พุ่งชนโลกเมื่อครั้งอดีต มีขนาดใหญ่ถึง 15 กิโลเมตร ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกประมาณ 75 เปอรเซ็นต์ รวมทั้ง "ไดโนเสาร์" และสัตว์ดึกดำบรรพ์อีกหลายชนิด ต้องสูญพันธุ์ไปโดยสิ้นเชิง  

 

 

ทั้งนี้ จากผลการวิเคราะห์ชั้นหิน พบว่า "อุกกาบาตยักษ์" ที่พุ่งชนโลก ได้พุ่งเข้าหาจุดปะทะจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อวินาที และพุ่งชนพื้นโลกที่บริเวณทะเลตื้น โดยทำมุม 60 องศา จนทำให้เกิดหลุมลึกในชั่วพริบตา เนื่องจากหินและแร่ธาตุปริมาณล้านล้านตัน ได้ระเหยเป็นไอขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว  ซึ่งปัจจุบันหลุมอุกกาบาตชิกซูลุบ มีความกว้างประมาณ 200 กิโลเมตร จมอยู่ในอ่าวเม็กซิโกครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งถูกกลบฝังอยู่ใต้พื้นดินของคาบสมุทรยูคาตัน

 

สำหรับเหตุแสงวูบวาบบนท้องฟ้า มีสีฟ้าอมเขียว  และมีเสียงดังคล้ายระเบิด ที่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน และลำปาง ฯลฯ พบเห็นนั้น สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มีการชี้แจงว่า เป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) โดยปกติแล้ว ดาวตกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ จะเริ่มเกิดความร้อนสูงจนเกิดการลุกไหม้ที่ความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งดาวตกอาจจะแผ่คลื่นเสียงกระแทก (sonic boom)  ในลักษณะเดียวกันกับเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการพบเห็น ที่ระบุว่า เห็นแสงวาบๆ ก่อนที่จะเห็นเสียงตามมา ซึ่งระยะเวลาระหว่างการพบเสียง และแสงนั้นจะขึ้นอยู่กับระยะห่างของดาวตกในขณะที่พบเห็น
 

 

ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลความรู้จาก วิกิพีเดีย และ บีบีซี. 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ