Lifestyle

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อันตรายของรังสียูวีมีมากกว่าที่คิด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามแนะเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อให้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างมั่นใจ

 

ไม่ว่าจะฤดูไหน ประเทศไทยก็มีแสงแดดแรงจ้าอยู่ตลอดหากได้รับ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV )ในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆของร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด กระ ฝ้า ริ้วรอย รวมถึงผิวแก่ก่อนวัย ไปจนถึงอาการแพ้แดด ผิวไหม้จากแดด และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้  ในบทความนี้มีเคล็ดลับดีๆจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามแนะเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อให้ได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างมั่นใจ

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

 

แพทย์หญิง นิโลบล เจริญวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านด้านผิวหนังและความงาม ได้แนะเคล็ดลับการปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อให้คุณได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างมั่นใจ ว่า “ในแสงแดดประกอบไปด้วยแสงและรังสีหลายชนิดทั้งที่สามารถมองเห็น และไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ชนิดที่สามารถทำอันตรายต่อผิวหนังของเราได้ คือ “รังสีอัลตราไวโอเลต” (Ultraviolet) หรือ “รังสียูวี” (UV) หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็จะมีประโยชน์ในการกระตุ้นให้ร่างกายของเราผลิตวิตามินดี และสามารถใช้ในการรักษาโรค อาทิ ด่างขาว สะเก็ดเงิน และโรคกระดูกอ่อนในเด็ก

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

แต่หากได้รับรังสียูวีเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อผิวของเราได้ ซึ่งรังสียูวีที่เป็นอันตรายกับผิวมี 2 ชนิด คือรังสียูวีเอ (UVA) เรียกอีกอย่างว่า “ยูวีเอจจิ้ง" (UV Aging) ทำให้เกิดปัญหาผิวแก่ก่อนวัย (Photoaging) เกิดริ้วรอยเล็กๆ ไปจนถึงริ้วรอยล่องลึก นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแห้งกร้านและขาดน้ำ รังสียูวีเอจะไปกระตุ้นกระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานินทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ การก่อตัวของอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

 

ยูวีบี (UVB) หรือ ยูวีเบิร์นนิ่ง (UV Burning) จะมีความเข้มข้นของแสงมากกว่ายูวีเอ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดผิวไหม้แดด ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ สำหรับอาการผิวไหม้แดด (Sunburn) เกิดจากผิวได้รับรังสียูวีบีในปริมาณมากจนทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกถูกทำลาย ในผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดผิวหนังลอก เป็นแผลพุพอง และรู้สึกเจ็บปวด อีกทั้งเซลล์ผิวหนังที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะไวต่อรังสียูวีและบอบบางกว่าเซลล์ผิวเดิม ส่วนผู้ที่อาการไม่รุนแรงจะมีเพียงผื่นแดงขึ้นบริเวณผิวหนังที่โดนแสงแดดและค่อย ๆ หายเป็นปกติใน 2-3 วัน ทั้งนี้การมีผิวไหม้จากแดดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

ดังนั้นหากไม่ต้องการให้รังสียูวีทำร้ายผิวของเรา ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะระหว่างเวลา 10.00 – 16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่รังสียูวีมีความแรงที่สุด รวมถึงควรสวมเสื้อผ้าปิดผิวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยทั่วไปแล้วเสื้อผ้าที่ทอเนื้อแน่นและมีสีเข้มจะสามารถกันแดดได้มากกว่าเสื้อผ้าเนื้อบางๆ เมื่อต้องทำกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้งควรสวมหมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด หรือกางร่ม ที่สำคัญควรทาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นประจำทุกวัน

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

นอกจากนี้เรายังสามารถพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ (Sunburn) คำนวณจากระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่าของ SPF ตัวอย่างเช่น คนเอเชียผิวขาวทั่วๆ ไปสามารถโดนแสงแดด 20 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มอักเสบแสบแดง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้ผิวเราจะสามารถทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที x ค่า SPF30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

ส่วนค่า PA (Protection grade of UVA) คือค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA เป็นค่าที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น (Japan Cosmetic Industry Association, JCIA) กำหนดขึ้นเพื่อแสดงถึงความสามารถในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด

 

"แพทย์" เผยเคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด อันตรายของรังสียูวี

 

ปกติแล้วผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดทั่วไปๆ จะมีเพียงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น แต่ในปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดได้มีบทบาทสำคัญในการดูแลผิวพรรณของเรามากขึ้น โดยนำคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติมาใช้ ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), สารสกัดอูกอน (Ougon extract) พืชทะเลทรายที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ รวมถึงช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้กลับแลดูสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ (De-colorizing action) หรือสารสกัดจากชาขาว (White tea extract) ที่มีสารโพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งกระบวนการที่ผิวทำปฎิกิริยากับออกซิเจน (Anti-oxidant) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น”

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ