การ "ฝังเข็ม"เป็นแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนจีน ซึ่งมีมายาวนานหลายพันปี สาขาการแพทย์แขนงนี้ ถูกบันทึกในปี 2502 โดยผู้ศึกษาชาวต่างชาติ ที่อ้างอิงว่าวิชาการแพทย์แผนจีนทางด้าน นี้ ได้เข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย พ.ศ.1800-1920
การฝังเข็ม (Acupuncture) "การฝังเข็ม" ศาสตร์หนึ่งในทางการแพทย์แผนจีน มีอายุกว่า 4,000 ปี โดยมีหลักการคือ การใช้เข็มขนาดเล็กมาก ฝังตามจุดฝังเข็มบนร่างกาย ซึ่งเป็นจุดที่มีพลังงานมากกว่าจุดอื่นๆ เพื่อทำให้พลังงาน และอวัยวะต่างๆของร่างกายที่เสียสมดุล กลับมาอยู่ในภาวะสมดุล
การ"ฝังเข็ม"มีฤทธิ์ในการรักษาโรค 4 ประการ คือ
-แก้ไขการไหลเวียนของเลือดลมปราณที่ติดขัด
-ปรับสภาพความสมดุลการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้อยู่ในสมดุล
-กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพื่อกำจัดเหตุปัจจัยที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย
-บรรเทาความเจ็บปวด และช่วยในการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
"ฝังเข็ม" เป็นการรักษาอาการปวด โดยไม่ต้องใช้ยาเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสในการแพ้ยา ผลข้างเคียงจากยาและปัญหาการติดยาแก้ปวด รวมทั้งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่เคยรักษาอาการปวดด้วยวิธีอื่นๆแล้วไม่ได้ผล
***ข้อห้ามในการฝังเข็ม
สตรีที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง (ที่ยังไม่ได้รับการรักษา)
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดที่มีความผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด
ผู้ป่วยโรคที่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างแน่นอน
ผู้ป่วยที่มีโรคที่ยังไม่ทราบการวินิจฉัยแน่นอน
ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นหัวใจ (Pacemaker)
การเตรียมตัวก่อนการฝังเข็ม
รับประทานอาหารตามปกติให้อิ่มก่อนเข้ารับการฝังเข็ม 1-2 ชั่วโมง ไม่มากจนเกินไป เพราะถ้าฝังเข็มในช่วงผู้ป่วยอ่อนเพลียหิวหรือแน่นท้องมากจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นลมได้ง่าย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ 6 - 8 ชั่วโมง ในคืนก่อนมาเข้ารับการฝังเข็ม สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมไม่ควรรัดแน่นจนเกินไป รับทราบข้อปฏิบัติตัวและข้อห้ามในการฝังเข็ม ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด วัดสัญญาณชีพก่อนเข้ารับการฝังเข็มทุกราย
ข้อแนะนำในการฝังเข็ม
ขณะฝังเข็ม ควรอยู่ในท่าที่แพทย์กำหนด โดยไม่ขยับร่างกาย ไม่เครียดจนเกินไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์
ขณะรับการฝังเข็ม อาจมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการปวดมากขึ้น หน้ามืดใจสั่นเป็นลม ต้องรีบแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบทันที
หลังจากที่ฝังเข็มและปักเข็มไว้แล้ว ควรนั่งพักหรืออยู่ในท่านั้นๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 25-30 นาที หรือตามที่แพทย์กำหนด ไม่ควรขยับเขยื้อนแขนขา หรือบริเวณที่ฝังเข็มไว้ จนครบเวลา
เข็มที่ใช้ฝัง เป็นเหล็กสแตนเลส ไม่เป็นสนิม มีขนาดเล็กและบางมาก ปลายเข็มไม่ตัด ไม่กลวงไม่มีรู ได้รับการทำความสะอาดจนปลอดเชื้อ และบรรจุแผงจากโรงงาน ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งเลยไม่นำกลับมาใช้อีก ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและโรคเอดส์
ผลการศึกษา
องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองและระบุโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็ม รวมทั้งล่าสุดยังมีหลายงานวิจัยพบว่า โรคบางโรค เช่น กรดไหลย้อน ปวดหัว ปวดศีรษะไมเกรน การรักษาด้วยการฝังเข็มให้ผลการรักษาดีเทียบเท่า หรือ มากกว่าการใช้ยา โดยปลอดภัย และ ไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยาอีกด้วย โดยกลุ่มโรคและอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
-กลุ่มอาการปวดและโรคทางระบบกล้ามเนื้อ เช่น Office syndrome ปวดหลัง ปวดต้นคอ ปวดไหล่ ปวดเข่า ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน
-กลุ่มโรคระบบประสาท เช่น ชาปลายมือ ปลายเท้า อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคอัมพาตใบหน้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง
-กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หวัดเรื้อรังและหอบหืด
-กลุ่มโรคระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความดันต่ำ
-กลุ่มโรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้ เช่น กรดไหลย้อน ท้องผูก อาหารไม่ย่อย
-กลุ่มโรคทางนรีเวช เช่น ปรับสมดุล ปรับฮอร์โมน ประจำเดือนมาไม่ปกติ เข้าสู่วัยทอง ทั้งบุรุษและสตรี และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
-กลุ่มโรคอื่นๆ เช่น การฝังเข็มเพื่อเสริมสุขภาพ เช่น เครียด กังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ
แพทย์แผนปัจจุบันศึกษาพบว่าการฝังเข็มมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ และมีผลต่อการหลั่งสารหลายชนิดในร่างกาย ซึ่งช่วยระงับอาการปวดและลดอาการอักเสบได้ดี โดยในปัจจุบันมีการใช้เครื่องอบความร้อนและเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฝังเข็ม
*** เรียบเรียงเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลหน่วยแพทย์ทางเลือก
*** ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง