Lifestyle

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใช้เวลาว่างจากงานบันเทิงลุยงานช่วยเหลือสังคม

        นิยามของคำว่า “พระเอก” คนส่วนใหญ่นึกถึงนักแสดงชายรูปร่างหน้าตาดีรับบทนำในละครหรือภาพยนตร์ต่างๆ แต่ในชีวิตจริง “พระเอก” ใครๆ ก็เป็นได้ เพียงมีจิตใจดี หยิบยื่นกำลังกาย กำลังใจ อาจรวมไปถึงกำลังทรัพย์ตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือสังคมที่ขาดโอกาสหรือด้อยกว่า...และที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้เขาคือ “พระเอกน้องใหม่ในจอแก้ว” และกำลังเป็น “พระเอกน้องใหม่ในงานอาสาสมัครช่วยสังคม” เขาคือ “เข้ม” หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

“เข้ม” หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล

         ก่อนพูดคุยถึงงานอาสาสมัครเพื่อช่วยสังคม “เข้ม” หัสวีร์ พระเอกเลือดใหม่ของช่อง 7HD ที่ติดท็อปมาแรง และมีแววว่าจะขึ้นชั้นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่องได้ไม่ยาก เล่าให้ฟังว่ากำลังมีผลงานพิสูจน์ฝีมือละครเรื่อง “ตะกรุดโทน” ที่มาแรงสนั่นจอสุดๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า นอกจากจะเป็นพระเอกในจอแล้ว ยังเป็นพระเอกในชีวิตจริงอีกด้วย เพราะว่างจากงานที่ล้นมือเมื่อไร ก็จะอาสาช่วยงานมูลนิธิร่วมกตัญญูทุกครั้ง และสิ่งที่ได้ทุกครั้งจากการทำจิตอาสา คือจะได้รับพลังบวกที่กลับมาเติมเต็มในใจเสมอ

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

         เรื่องราวในแวดวงบันเทิงรู้จักกันพอประมาณแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จักกับตัวตนของ “เข้ม” หัสวีร์ อีกสักนิดว่าก่อนเข้าสู่เส้นทางแห่งดวงดาว “หนุ่มเข้ม” เป็นคน อ.เซกา จ.บึงกาฬ โดยกำเนิด เจ้าตัวบอกว่าเป็นเด็กวัยรุ่นแสบนิดๆ อยากรู้อยากลองเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปคนหนึ่ง ชอบเล่นกีฬา อย่าง บาสเกตบอล และ พายเรือ เพราะที่บ้านมีประเพณีแข่งเรือ เป็นงานใหญ่ ตัวเองก็เคยเป็นฝีพายด้วย มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาหรือไม่ก็ทำงานด้านช่างตามสายวิชาชีพที่เรียน ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะเป็นนักแสดง เพราะด้วยสภาพแวดล้อมและสังคมดูมันห่างไกลกันมาก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือช่องทาง แต่ถ้าถามว่าเป็นคนกล้าแสดงออกหรือไม่ ก็พอมีบ้าง

         จากความฝันอยากเป็น “นายช่าง” เปิดร้าน เปิดอู่ ขายอุปกรณ์ ช่างซ่อม กลายมาเป็น “ดาว” เจิดจรัสในวงการบันเทิงนานกว่า 3 ปีแล้ว เรื่องนี้ “พระเอกเบอร์ต้นของช่อง 7HD” เล่าว่า เป็นช่วงที่ตัวเองเข้ามาเรียน ปวช.ที่กรุงเทพฯ แล้ววันหนึ่งก็มีโมเดลลิ่งมาชักชวนให้ไปเดินแบบ ซึ่งเราพอทำได้ และได้โอกาสที่ดี ประกอบกับชอบเรียนรู้ ถามจากผู้ใหญ่บ้าง เรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง จึงมีผลงานออกมาเรื่อยๆ อย่าง ไฮโซซะออน จ้าวสมิง ตะกรุดโทน และ โซ่เวรี พระเอกหนุ่มไฟแรงเล่าถึงผลงานที่กำลังออนแอร์และที่จ่อคิวอยู่ด้วยน้ำเสียงปลื้มที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่และจากการไม่หยุดพัฒนาตัวเองของเขา

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

         และในกองถ่ายละคร “ตะกรุดโทน” ทำให้ “เข้ม” หัสวีร์ ได้พบกับพระเอกรุ่นใหญ่ “ท็อป” บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงที่ยืนหนึ่งในเรื่องช่วยเหลือสังคมอย่างสุดตัว จุดนี้จึงช่วยปลุกจิตสำนึกการช่วยเหลือสังคมของพระเอกหนุ่ม ซึ่งเคยได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวของเขาให้ตื่นขี้นมาอีกครั้ง

          “ตั้งแต่สมัยตอนเด็กๆ คุณตา คุณยาย และคุณแม่ มักจะคอยพร่ำสอนลูกหลานเรื่องการไม่เอาเปรียบคนอื่น การช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่ารวมถึงคนที่เดือดร้อน ตามกำลังความสามารถของเรา และไม่ใช่แค่คำสอน คุณตายังปฏิบัติให้เห็นมาโดยตลอด อย่างเวลาคนในหมู่บ้านเจ็บป่วย เมื่อต้องไปหาหมอ คุณตาจะช่วยขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลทุกครั้ง อีกหนึ่งอย่างที่ท่านยังสอนลูกหลานอย่างสม่ำเสมอ คือเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงคอยช่วยเหลือประชาชน ว่าพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาต่อประชาชน นี่คือสิ่งได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่เด็กๆ ถามว่าในขณะนั้นเราเข้าใจหรือเปล่า ไม่หรอกครับ แต่มันค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาอยู่ในตัว กลายจิตสำนึกที่ติดตัวเรามาถึงทุกวันนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องเงิน จะเป็นเรื่องการบำรุงรักษา การใช้แรงงาน กลายเป็นสิ่งที่ผมชอบทำ” พระเอกหนุ่มหน้าเข้ม เล่าถึงแรงบันดาลใจแรกๆ ที่ทำให้เขาสนใจงานอาสาสมัครช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ก่อนจะได้รับแรงกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาทำงานช่วยเหลืออีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานพอสมควร
 

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

         “เข้ม” เล่าถึงงานอาสาสมัครเพื่อช่วยสังคมที่ตัวเองแบ่งเวลาจากงานหลักว่า หลังจากพูดคุยกับ “พี่ท็อป” ก็ได้เห็นถึงความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคมของพี่เขา ทำให้รู้สึกศรัทธาผู้ชายคนนี้ยิ่งขึ้น เพราะเขาไม่เคยหวังผลตอบแทนอะไรเลย บางเคสพี่เขาเข้าไปช่วยก็ใช้เงินส่วนตัว ปัจจัยส่วนตัว ผมเคยถามพี่ท็อปว่า ทำแล้วได้อะไร พี่เขาก็ตอบว่า มันไม่ได้อะไรหรอก แต่มันได้ช่วยชีวิตคนบนโลกคนหนึ่ง ให้มีชีวิตที่มีความสุข ให้เขาได้กลับมามีชีวิตที่เป็นปกติ ตัวเองก็พลอยอิ่มเอม ยิ่งเป็นพลังกระตุ้นให้ผมอยากทำขึ้นมาบ้าง เลยบอกกับพี่ท็อปว่าผมอยากช่วยด้วย แต่ขอเป็นเคสพิเศษ ที่ไม่ใช่การไปกู้ชีพ หรือลงจุดอุบัติเหตุ ที่มันรุนแรง เพราะยังไม่ได้เรียนการทำซีพีอาร์ ยังไม่เข้าใจการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ถ้ามีเคสที่เราสามารถใช้แรงกำลังตัวเอง ลุยไปด้วยได้ เช่น น้ำท่วม ภัยหนาว ไฟไหม้ อะไรก็แบบนี้ ผมยินดี ถ้ามีโอกาส และเมื่อได้ไปทำ ได้ไปเห็นถึงความน่าสงสาร น่าเห็นใจ ยิ่งเป็นแรงผลักให้ผมอยากออกไปช่วยอีก"

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

          อาจสงสัยว่าระหว่างงานในวงการบันเทิงกับการทำงานจิตอาสา “เข้ม” หัสวีร์ แบ่งเวลาอย่างไร ดาราหนุ่มขาลุย บอกว่า กรณีนี้เขาได้รับคำแนะนำจากพี่ท็อปว่า ว่างเมื่อไรก็มา มันมีเคสรอให้ช่วยอยู่ตลอดอยู่แล้ว ถ้าวันไหนว่าง สักอาทิตย์ละหนึ่งวัน หรือเดือนละหนึ่งวัน มันก็จะมีเวลาที่เราสามารถไปช่วยเหลือคนได้

          บางคนอาจคิดว่างานหลักที่ต้องรับผิดชอบก็หนักอยู่แล้ว หากต้องเจียดเวลาเจียดแรงกายไปทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคมอีก คงเหนื่อยเกินไปคงไม่ไหวแน่ๆ สำหรับเรื่องนี้ “พระเอกหนุ่มใจเกินร้อย” แบ่งปันมุมมองว่า สำหรับตัวเขาการได้ออกไปช่วยเหลือสังคมบ้าง ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่ แต่ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน มันมีพลังบวก เป็นก้อนบวกที่มาชาร์จพลังให้เราไปทำงาน เมื่อวานเราทำดี วันนี้เราก็มีกำลังที่จะทำงานในงานหลักของเรา ในเรื่องของการแสดง คือมันไม่เหนื่อยนะ มันเป็นอะไรที่เราสนุก ในเรื่องของการออกไปเผชิญชีวิต เราไม่รู้ว่าเคสที่เราจะได้เจอจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้ว่า คนป่วยคนนี้เป็นอะไร แต่พอเราลงพื้นที่ไปเจอ เราก็จะรู้ถึงความต้องการการช่วยเหลือ เราก็จะได้พลังบวก ได้คำอวยพรจากคนไข้ คนที่รอการช่วยเหลือ มันเป็นความสุขนะ

"เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล สุขใจได้ช่วยงาน "จิตอาสา"

         “ผมว่างานจิตอาสา มันสามารถเริ่มต้นทำกับครอบครัวได้ แล้วค่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ ทำให้สังคม ทำให้เพื่อนร่วมงาน ทำเพื่อสัตว์โลก ทำให้คนบนโลก ทำให้คนในประเทศ มันสามารถเริ่มได้ แค่คุณเดินออกไปเจอคนข้ามถนน ก็ได้ช่วยเหลือกัน เจอหมา เจอแมว เจออะไรที่อยู่กลางถนน เสี่ยงต่อการโดนรถชน ก็แค่ช่วย ผมว่ามันเริ่มได้จากตัวเองอยู่แล้ว เราเป็นคนดีของพ่อแม่ ก็คือความรับผิดชอบต่างๆ ไม่ทำให้พ่อแม่เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นได้แล้วสำหรับวัยรุ่น มันอาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เรามองข้าม แต่สิ่งล้ำค่าที่เราได้กลับมาคือกำลังใจ” พระเอกหนุ่มไม่ได้เข้มเฉพาะชื่อแต่หัวใจเขายังเข้ม(ข้น)ด้วยพลังในการช่วยเหลือสังคม ให้ข้อคิดทิ้งท้ายก่อนขอตัวไปหน้าที่ของตัวเอง

กอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ