คอลัมน์... ดูแลสุขภาพ
เนื่องในวันหัวใจโลก 2562 และโอกาสครบรอบ 14 ปี โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดงาน World Heart Day : BE A HEART HERO พร้อมเปิดตัวโครงการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (Transcatheter ASD Closure) ให้ผู้ป่วย ซึ่งมูลนิธิเวชดุสิต ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยการกำกับดูแลของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ดำเนินโครงการรักษาให้ผู้ป่วยโรคหัวใจแต่กำเนิด ชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว ซึ่งมีกายวิภาค หรือมีลักษณะรอยโรคที่เหมาะสม ตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา จำนวน 14 ราย ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนใหญ่จะมีอาการและมาพบแพทย์เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อาการใจสั่น เหนื่อยง่าย ยิ่งถ้าปล่อยไว้นานอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจล้มเหลวได้
นพ.ประดับ สุขุม ที่ปรึกษา รพ.หัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า รพ.หัวใจกรุงเทพ ก่อตั้งขึ้นจากศูนย์หัวใจ ซึ่งเดิมเป็นศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางของโรงพยาบาลกรุงเทพมาก่อน แต่ด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคหัวใจ ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการตรวจรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ จึงได้ก่อตั้ง “โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ” ในปี 2548 เป็นโรงพยาบาลชั้นนำด้านโรคหัวใจของประเทศไทยที่มีความพร้อมด้วยปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ บุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการให้บริการครบครันตั้งแต่การป้องกันโรคหัวใจ การตรวจรักษา และการฟื้นฟูส่งเสริมสมรรถภาพหัวใจของผู้ป่วยตามมาตรฐานสากล เพื่อความพึงพอใจของผู้รับบริการ ดำเนินการจวบจนถึงปัจจุบันรวมเป็นระยะเวลา 14 ปี ให้การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจประมาณปีละ 100,000 ราย ทีมแพทย์มีประสบการณ์ในการผ่าตัดหัวใจประมาณ 300 รายต่อปีและทำหัตถการสวนหัวใจผู้ป่วยประมาณปีละ 1,000 ราย ซึ่งในปีนี้ทางโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ร่วมกับมูลนิธิเวชดุสิตฯ เปิดตัว โครงการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด
นพ.ประดับ สุขุม
นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการ รพ.หัวใจกรุงเทพ และในฐานะอายุรแพทย์โรคหัวใจ ชำนาญด้านหัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด กล่าวว่า โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว (ASD : Atrial Septal Defect Secundum trype) เกิดจากการที่มีรูรั่วบริเวณผนังกั้นหัวใจห้องบน ส่งผลให้เลือดแดงไหลจากหัวใจห้องบนซ้ายไปห้องบนขวาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจมีโอกาสโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเด็กเล็กอาจจะไม่ปรากฏอาการ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะมีอาการหรือบางรายตรวจพบจากการตรวจเช็กสุขภาพด้านหัวใจ ซึ่งอายุรแพทย์หัวใจจะฟังได้ยินเสียงหัวใจที่ผิดปกติ ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือบางรายมาด้วยอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วชนิด Secundum type พบได้ประมาณ 75% ของผู้ป่วยโรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วทั้งหมด
นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว สามารถทำได้โดยการฟังเสียงหัวใจและการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจความถี่สูง (Echocardiogram) หลักการทำงานของเครื่องคือส่งคลื่นเสียงที่ปลอดภัยเข้าไปในทรวงอกแล้วรับเสียงที่สะท้อนออกมาไปแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจว่าปกติหรือไม่ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้จะเป็นการตรวจเพื่อดูขนาดของห้องหัวใจตามแรงการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจผ่านผนังหน้าอก การทำงานของลิ้นหัวใจ ภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ช่องหัวใจโต และสามารถตรวจหาภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเหนื่อยง่าย หรือแน่นหน้าอก การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจความถี่สูง (Echocardiogram)
ในส่วนของการรักษาโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วชนิด Secundum type (รอยรั่วตรงกลางผนัง) หากผู้ป่วยมีรูรั่วขนาดเล็กมาก มีโอกาสที่รูจะปิดได้เอง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย ซึ่งหากรูที่รั่วมีขนาดเล็กและไม่มีอาการหรือส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันอาจไม่ต้องทำการรักษาเพิ่มเติม แต่หากรูที่รั่วนั้นมีขนาดปานกลางตั้งแต่ 1 เซนติเมตรจนถึง 3 เซนติเมตรขึ้นไป ซึ่งถือเป็นรูขนาดใหญ่ ต้องมาพบอายุรแพทย์โรคหัวใจเพื่อตรวจเช็กหัวใจโดยละเอียด ในรายที่มีลักษณะรูรั่วที่เหมาะสม แพทย์สามารถทำการรักษาด้วยเทคนิคสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (Transcatheter ASD Closure) โดยนำอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ เข้าไปปิดรูรั่วระหว่างผนังกั้นห้องหัวใจผ่านทางสายสวนหัวใจโดยนำเข้าทางหลอดเลือดดำที่ขาหนีบขา
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง