พระเครื่อง

เส้นทางนักพระเครื่อง -'พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว' มีเงินแต่ไร้วาสนาก็หาไม่ได้ศักดิ์ พนัสนิคม สายตรงพระปิดตาเมืองชล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สุดยอดของพระปิดตา ที่นักสะสมพระเครื่องทุกคนใฝ่หา คือ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เมืองชลบุรี ทั้งๆ ที่ประวัติความเป็นมาค่อนข้างจะคลุมเครือ ของแท้หายาก ของปลอมมีมาก แต่ก็มีการเช่าหากันถึงองค์ละหลายแสนบาท จนถึงหลักล้านก็มี

 แต่สำหรับ ศักดิ์ พนัสนิคม กลับเห็นว่า พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เป็นพระปิดตาที่ดูไม่ยาก หากมีหลักเกณฑ์ในการดู
 และที่สำคัญคือ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เป็นพระปิดตาที่คนมีบุญเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของได้ เพราะ...แม้มีเงินแต่ไร้วาสนาก็อย่าหวังว่าจะได้ของจริงมาขึ้นคอบูชา
 ในแวดวงนักสะสมพระปิดตาสายเมืองชล ทุกคนจึงต้องยกนิ้วให้ ศักดิ์ พนัสนิคม ว่าเป็นผู้ชำนาญอย่างแท้จริง
 ชูศักดิ์ กุฏโง้ง คือชื่อจริงของ ศักดิ์ พนัสนิคม ผู้มีถิ่นกำเนิดในตัวตลาด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
 "ผมสนใจเรื่องพระมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆ เพราะได้ยินผู้ใหญ่เขาพูดคุยกัน ถึงความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะพระเกจิอาจารย์ของเมืองชล ที่มีอยู่มากมายหลายท่าน ทั้งรุ่นเก่าที่มรณภาพไปแล้ว และรุ่นใหม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ในสมัยนั้น พอมีเงินอยู่บ้างก็ไปหาเช่าพระที่มีวางขายอยู่ตามแผงพระ บางครั้งก็นั่งรถเมล์เข้าเมืองชล ระยะทาง ๒๒ กม. เสียค่ารถ ๒ บาท ส่วนใหญ่รถจากพนัสนิคม จะไปจอดกันที่ลานวัดเครือวัลย์ สมัยก่อนยังไม่มีกำแพงวัด ที่ลานวัดมีของขายเต็มไปหมด รวมทั้งมีแผงพระ ซึ่งผมชอบมาก ได้เช่าพระที่นี่บ่อยๆ รวมทั้งที่ร้านกาแฟตามุ้ย แถววัดกำแพง ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของผู้สนใจพระ มีแผงพระจรมาวางขายเป็นประจำ สมัยนั้นพระส่วนใหญ่เป็นพระแท้ พระปลอมก็มี แต่ปลอมอย่างง่ายๆ ผมซึมซับเรื่องพระมานานปี จนไม่เป็นอันที่จะเรียนหนังสือ พ่อแม่ไม่ห้าม แต่ก็ไม่สนับสนุน" ศักดิ์ พนัสนิคม เล่าย้อนอดีตของตัวเอง

 ต่อมาเมื่อเรียนหนังสือจบชั้นมัธยม ก็อยู่บ้านช่วยพ่อแม่ขายของ พอมีเวลาว่างก็ไปที่แผงพระ พูดคุยกับคนรุ่นพี่ ฟังผู้ใหญ่เขาเล่าเรื่องพระ โดยเฉพาะพระปิดตาเมืองชล ที่ทุกคนสนใจกันมาก มีตำนานคำบอกเล่าต่างๆ นานา
 คนเฒ่าคนแก่จะมีเรื่องเล่าของหลวงพ่อแก้วกันมากมาย ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเคยพบเห็น หน้าตาท่านเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ ที่พอจะได้ใจความบ้างก็คือ หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นชาวเมืองเพชรบุรี ได้เดินธุดงค์จากเมืองเพชรมาอยู่ที่เมืองชล พร้อมกับหลวงพ่อโต กับหลวงพ่อภู่
 หลวงพ่อแก้ว มาปักกลดอยู่แถววัดเครือวัลย์ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีอะไรเลย ชาวบ้านส่วนใหญ่ เมื่อมีปัญหาอะไรก็มาขอบารมีหลวงพ่อแก้วช่วยเหลือ เพราะหลวงพ่อแก้วมีคาถาอาคมขลัง ชาวบ้านจึงขึ้นมาก มีคนทำบุญกับท่าน ก็จะยกให้วัดเครือวัลย์หมด ไม่เอาไว้เอง จนบางคนคิดว่า หลวงพ่อแก้วเป็นเจ้าอาวาสก็มี แท้จริงแล้วท่านเป็นพระธุดงค์ มาอาศัยอยู่ในฐานะพระลูกวัด ถ้าหากเป็นเจ้าอาวาสจริง ก็ต้องมีหลักฐานทางราชการบันทึกไว้บ้าง หรือมีรูปถ่ายของท่านบ้าง แต่นี่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ที่ลงประวัติของท่านว่าเป็นเจ้าอาวาส จึงเป็นความเข้าใจผิดมากกว่า
 ต่อมา เมื่อทางวัดจะสร้างเสนาสนะ ต้องไปขนไม้จากในป่า สมัยนั้นนอกเมืองชลออกไปไม่ไกลนัก ก็เป็นป่าดงดิบทั้งนั้น ต้นไม้ใหญ่ๆ ยังมีมากมาย ท่านก็ขอแรงชาวบ้านให้ไปช่วยกันตัดไม้ ขนมาสร้างเสนาสนะ ชาวบ้านก็ไปช่วยกันแบบกองคาราวาน ใช้วัวควายเทียมเกวียน ต้องไปนอนค้างคืนกันในป่า
 ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแก้ว จึงได้สร้าง พระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอท แจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยขนไม้ (ซุง) ต้นใหญ่ๆ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ป้องกันคุณไสย และภูตผีปีศาจ เพราะเชื่อกันว่า ผีกลัวปรอทมาก พระเกจิอาจารย์ที่สามารถจับปรอทได้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมขลังเท่านั้นที่จะทำได้
 พระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอท ของ หลวงพ่อแก้ว ที่ว่านี้ก็คือ พระปิดตาลากซุง นั่นเอง คือแจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยกัน ลากซุง มาให้วัด ไม่ใช่ แลกซุง อย่างที่เข้าใจกันผิดๆ
 นอกจากนี้ หลวงพ่อแก้ว ยังได้สร้างพระปิดตาด้วยเนื้อผงคลุกรัก ด้านหลังเป็นรอยเว้าตามรูปพระด้านหน้า ที่เรียกว่า พิมพ์หลังแบบ เนื้อพระแกร่งมาก จนแตกลายเหมือนกับ ลายกะลา ที่เรียกว่า พระปิดตาเนื้อกะลา
 จากการศึกษามาหลายๆ ด้าน ทำให้ ศักดิ์ พนัสนิคม  มีความเชี่ยวชาญชำนาญในพระปิดตาหลวงพ่อแก้วมาก ได้ดูองค์จริงบ่อยๆ จนสามารถจดจำตำหนิพิมพ์ทรงองค์พระ และเนื้อหามวลสารได้อย่างแม่นยำ
 ทั้งนี้ รวมทั้งพระปิดตายุคเก่าของเมืองชล ไม่ว่าจะเป็น พระปิดตาหลวงพ่อโต วัดเนิน หลวงปู่ภู่ วัดเนิน หลวงพ่อครีพ วัดสมถะ หลวงพ่อเจียม วัดกำแพง หลวงปู่จีน วัดท่าลาดเหนือ แปดริ้ว ฯลฯ
 จากหลักการอันเดียวกันนี้ สามารถใช้ได้กับพระปิดตาของพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกด้วย จนเรียกได้ว่า ศักดิ์ เป็นเซียนพระสายตรงพระปิดตายอดนิยมคนหนึ่งของวงการพระเมืองไทย
 นอกจากนี้ ยังได้ขยายความสนใจไปสู่พระหลักอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพระกรุพระเก่า พระบูชา เทวรูปต่างๆ อาศัยว่ามีผู้ใหญ่ช่วยแนะนำให้ และคบหาสมาคมกับเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระด้วยกัน ทำให้ได้รับความรู้มากมาย
 สิ่งสำคัญในการยืนอยู่ในวงการนี้ได้อย่างมั่นคง และก้าวหน้า คือ ความจริงใจกับลูกค้า ความซื่อสัตย์สุจริต ตรงไปตรงมา ไม่หลอกขายของปลอม รวมทั้งอย่าเอากำไรมากนัก เพื่อจะได้คบหาเป็นลูกค้าไปนานๆ  
 เมื่อมีความชำนาญด้านพระเครื่องทุกอย่างได้มากขึ้น ศักดิ์ก็เข้ามาเช่าแผงพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ สมัย "เฮียยู้" เป็นผู้ดำเนินงาน เพราะช่วงนั้น "พี่ยัพ" ได้ย้ายไปเปิดศูนย์พระแห่งใหม่ที่ห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และต่อมาได้ย้ายไปอยู่ห้างบางลำภู งามวงศ์วาน จนเปลี่ยนมาเป็นห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ในทุกวันนี้
 ศักดิ์เล่าว่า "ผมไปหาพระจากทุกที่เอามาขายที่พันธุ์ทิพย์ ขณะเดียวกันก็หาพระจากพันธุ์ทิพย์ไปขายที่ท่าพระจันทร์ และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง ก็พออยู่ได้ ต่อมามีคนมาชวนไปเปิดร้านที่สีลมแกลลอเรีย เปิดอยู่พักหนึ่ง ไม่ค่อยมีคน ก็เลยย้ายมาอยู่ที่ริเวอร์ซิตี ผมโชคดีที่มาได้ห้องที่นี่โดยไม่ต้องเสียค่าเซ้ง ซึ่งเป็นเงินล้าน และที่นี่เขามีกำหนดให้ต้องเป็นค้าของเก่า จำพวกแอนติค จะเปิดเป็นร้านพระเครื่องอย่างเดียวไม่ได้ ผมเลยต้องไปหาซื้อพระบูชา เทวรูป เครื่องลายคราม ของเก่าต่างๆ มาประดับร้านด้วย ก็เลยทำให้ร้านหรูขึ้นมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ นอกจากนักสะสมพระเครื่องด้วยกันแล้ว ก็ยังได้ลูกค้าชาวต่างชาติ นิยมมาซื้อของเก่ากันมาก โดยเฉพาะพวกลายคราม ฝรั่งบางคนชอบพวกเครื่องรางของขลัง เขาเห็นว่าเป็นของแปลก เป็นของแฮนเมดที่เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาไทยแท้ๆ ซึ่งหาไม่ได้จากประเทศอื่นใด"
 ในตอนท้ายสุด ศักดิ์ พนัสนิคม บอกว่า อาชีพพระเครื่อง หากมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า รับรองว่าไม่มีอดตาย และที่สำคัญคือ เงินที่ได้จากการซื้อขายพระ อย่าเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องมีวินัยในการบริหารเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าเอาไปเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด จะวิบัติหมดตัวอย่างแน่นอน
 ศักดิ์ มีร้านแอนติคชื่อ "พนัสนิคมเพอเฟคอาร์ต" อยู่ที่ชั้น ๓ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี ริมแม่น้ำเจ้าพระเจ้า ท่าน้ำสี่พระยา ถนนโยธา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม.โทร.๐๘-๑๘๙๐-๘๔๑๒  

 
 0 ตาล ตันหยง 0
 

 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ