ครอบครัวสุขภาพดีตามวิถีแม่คนดัง

          การสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนในครอบครัวเป็นบทบาทสำคัญของคุณแม่เพื่อสร้างพื้นฐานครอบครัวที่แข็งแรง และในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก การได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และแนวทางง่ายๆ สำหรับการดูแลครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนสท์เล่จึงจัดแคมเปญ “ชีวิตดีๆ เริ่มง่ายๆ” สร้างแรงบันดาลใจให้ครอบครัวไทยใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี และช่วยให้คุณแม่ปรับตัวให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนไป ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการดูแลครอบครัวในทุกๆ วัน โดยเน้นที่การปฏิบัติตามหลัก 3 อ. ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย และ อารมณ์ เริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ ลดหวานมันเค็ม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ และสุดท้ายเริ่มต้นด้วยการสร้างอารมณ์และจิตใจที่แจ่มใสเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างครอบครัวให้แข็งแรงขึ้นได้ พร้อมเคล็ดลับครอบครัวสุขภาพดีด้วย 3 อ. จากเหล่าคุณแม่คนดัง

          "เปิ้ล" ชัชชฎา ก้องธรนินทร์ เล่าว่า หลัก 3 อ. เป็นเรื่องหลักๆ ที่เราใช้เลี้ยงลูกและดูแลครอบครัวอยู่แล้ว อย่างเรื่องของอาหาร จะเน้นเป็นพิเศษ เพราะเมื่อก่อนน้องริวจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างทานยาก เป็นโจทย์ของเราแล้วว่าจะทำอาหารแบบไหนให้ลูกชอบและดีต่อสุขภาพของเขาด้วย ก็ใช้วิธีแต่งอาหารให้มีลูกเล่นเพื่อให้เขารู้สึกสนุกกับการทานอาหาร เราเองสามารถใส่ผักและผลไม้ให้เขากินได้ไม่เบื่อ มื้อสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือมื้อเช้า เราจะใส่ใจมากเป็นพิเศษ จะต้องมีไข่ทุกวัน ส่วนมื้ออื่นๆ ก็ต้องให้ครบ 5 หมู่ บางทีเราไปช่วยเขาเลือกมื้ออาหารกลางวันไม่ได้ แต่เราสอนเขาได้ให้เลือกทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ส่วนผักและผลไม้ควรมีทุกมื้อ บางครั้งก็เตรียมผลไม้ใส่กล่องไปให้เขาทานเวลาว่าง เขาจะได้ติดเป็นนิสัยและหลังๆ เราก็ไม่ต้องห่วง ด้านการออกกำลังกาย ครอบครัวเราค่อนข้างแอคทีฟ ชอบออกกำลังกายทั้งพ่อและแม่ ลูกก็เลยชอบด้วย ปกติลูกจะเล่นฟุตบอลอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง หรือหากมีโอกาสก็จะเล่นกีฬาด้วยกันทั้งครอบครัวไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานในสวน อย่างเวลาไปต่างประเทศก็จะต้องหากิจกรรมให้ลูกทำ เช่นเล่นสกี หรือปั่นจักรยาน เปิ้ลเองก็ชอบที่เห็นเขาได้ทั้งออกกำลังกายและได้ผ่อนคลาย ช่วยให้เขาเป็นคนอารมณ์ดีด้วย

         "คริสตี้" คริสติน่า เศรษฐบุตร เผยเทคนิคการเลี้ยงลูกในสไตล์ครอบครัวเศรษฐบุตรว่า น้องไทกับน้องทีน่าเป็นเด็กร่าเริง ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูที่ครอบครัวเราให้ความสำคัญกับอาหารการกิน การออกกำลังกาย และการส่งเสริมให้ลูกมีอารมณ์ดีมีความสุข ที่บ้านจะสนับสนุนให้เด็กๆ ออกกำลังกายอยู่เสมอ ปกติทั้งสองคนจะมีกิจกรรมเล่นกีฬาที่โรงเรียนอยู่แล้ว เราก็จะหาเวลาว่างวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ พาเขาไปเล่นกีฬาที่ชอบ อย่างน้องไทจะชอบเล่นเทนนิส เราก็ให้เขาฝึกฝนไปเรื่อยๆ จนได้รับเหรียญรางวัลที่โรงเรียนมาแล้ว ส่วนน้องทีน่าจะชอบกีฬาขี่ม้า เราก็ส่งเสริม จนตอนนี้ได้ลงแข่งและรับรางวัลมาแล้วเหมือนกัน แต่เราก็ยังพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อไม่ให้เบื่อ สิ่งสำคัญคือทำให้เขามีความสุขกับการออกกำลังกาย เพราะเราเชื่อว่าการได้ทำในสิ่งที่เขาชอบนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมพัฒนาการ และช่วยในเรื่องการควบคุมอารมณ์แล้วครอบครัวเราก็จะมีช่วงเวลาร่วมกันมากขึ้น เป็นการกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งคริสตี้ว่าสิ่งดีมันเริ่มง่ายๆ เพียงแค่เราต้องค่อยๆ ปรับ เริ่มลงมือทำ และเลือกวิธีการให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละครอบครัว

         "หนิง" ศรัยฉัตร จีระแพทย์ เล่าว่า อย่างแรกคือตัวเองจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ถ้าเราบอกลูกว่าอย่าหงุดหงิด แต่เรายังมีพฤติกรรมแบบนั้นเขาก็จะเลียนแบบ การส่งเสริมให้ลูกมีอารมณ์ดีได้ต้องปลูกฝังตั้งแต่แด็กๆ ว่าเราเลี้ยงเขาแบบไหน ร้องเพลง เต้น เราเลี้ยงลูกให้มีโภชนาการดี  พอลูกเติบโตมาด้วยปัจจัยพื้นฐานสำคัญของชีวิตที่สมบูรณ์ ด้วยความรักความอบอุ่น เค้าจะเป็นเด็กที่สมบูรณ์ด้วยตัวเค้าเอง หนิงเองเวลาเลี้ยงลูกก็หนีไม่พ้นเรื่องอารมณ์ เด็กอยากได้ของเล่นก็จะโมโห หงุดหงิด โชคดีที่น้องเบลล่าเลี้ยงง่ายไม่งอแง หนิงสอนให้ลูกเรียนรู้ที่จะผิดหวัง ถ้างอแงเราไม่ง้อ ถ้าลูกทำผิดเราจะให้เวลาเค้าอยู่กับตัวเอง ดังนั้นเวลาอารมณ์ดีขึ้น ลูกจะรู้เอง และเดินมาหาเรา มาขอโทษ หนิงบอกลูกว่าเราโกรธได้ หงุดหงิดได้ แต่ต้องควบคุมให้เป็น ทุกปัญหาต้องแก้ไขได้ เราเองต้องไม่หงุดหงิดใส่ลูก เวลาเราผิด เราขอโทษลูกด้วย และถ้าพูดถึงเรื่องเคล็ดลับ 3 อ. เบลล่าเป็นตัวแทน 3 อ. ที่ชัดเจนของครอบครัวเรา หนิงและพี่โบ๊ทออกกำลังกายเป็นประจำ เบลล่าก็ออกกำลังกายด้วย เป็นแชมป์เต้น ซ้อมเต้น 6-7 วันต่อสัปดาห์ เสริมด้วยยิมนาสติก พอลูกเป็นนักกีฬาการที่เราส่งเสริมเรื่องอารมณ์
ลูกจะเรียนรู้ที่จะจัดการอารมณ์ เวลาไปแข่งจะควบคุมความตื่นเต้นขณะอยู่บนเวที หรือเวลาแพ้-ชนะ ก็จะเข้าใจ