Lifestyle

‘กลิ่น’ ส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทารกเริ่มเรียนรู้การรับสัมผัสทางกลิ่นตั้งแต่แรกเกิด และสามารถแยกกลิ่นที่แตกต่างกันได้ตั้งแต่ขวบปีแรก

       เพราะทารกเริ่มเรียนรู้การรับสัมผัสทางกลิ่นตั้งแต่แรกเกิด และสามารถแยกกลิ่นที่แตกต่างกันได้ตั้งแต่ขวบปีแรก ดังนั้นกลิ่นจึงส่งผลสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของลูกน้อย เหตุนี้ เบบี้มายด์ จึงเปิดตัว “เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ ไวท์ ซากุระ” ที่ตอบโจทย์คุณแม่เพราะมาพร้อมส่วนผสมเอสเซ้นท์เข้มข้นจากสุดยอดซากุระขาวสายพันธุ์พิเศษจากญี่ปุ่น โดยผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิก ภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนังแล้วว่าบริสุทธิ์และอ่อนโยนต่อผิวของเด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ปี รวมทั้งผู้ใหญ่ที่มีผิวบอบบางก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน

‘กลิ่น’ ส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก

นพ.ถิรชัย ตันสันติวงศ์

       นพ.ถิรชัย ตันสันติวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาในเด็ก กล่าวว่า สำหรับเด็กระบบประสาทส่วนที่รับกลิ่นเริ่มทำงานตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ ในขวบปีแรกทารกสามารถแยกกลิ่นที่ต่างกันได้แล้ว โดยจะชอบกลิ่นหอมหวาน และไม่ชอบกลิ่นเหม็นหรือฉุน ช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังคลอดทารกจะเริ่มจดจำแม่ได้ด้วยกลิ่นของน้ำนมและกลิ่นตัว กลไกการทำงานของสมองส่วนนี้จะจดจำและเรียนรู้การจับคู่ของกลิ่น โดยจะจำได้ว่ากลิ่นของแม่ทำให้เกิดความสุข ดังนั้นกลิ่นคุณแม่ กลิ่นนม กลิ่นเสื้อผ้าของคุณแม่ที่ใส่ ร่วมกับการได้สัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคยเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการด้านระบบประสาทสัมผัสทางจมูกและอารมณ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากระบบประสาทเหล่านั้นได้รับการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ สมองพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัว ส่งผลให้พัฒนาการของเด็กดีขึ้น นอกจากนี้เด็กยังปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างได้ดีด้วย

‘กลิ่น’ ส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก

       “พอถึงวัยเริ่มเดินประมาณ 1 ขวบ เมื่อเด็กได้ออกไปสัมผัสกับโลกภายนอก เด็กจะมีการเรียนรู้ทางระบบประสาทและสมองมากขึ้น ทำให้มีการเชื่อมโยงของกลิ่นและประสบการณ์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น จดจำเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านกลิ่นและคิดจินตนาการสร้างเรื่องราวจากกลิ่นได้เช่นกัน ฉะนั้นการที่เรากระตุ้นประสาทสัมผัสทางกลิ่นให้กับลูกอย่างสม่ำเสมอย่อมส่งผลดีต่อการพัฒนาการของเด็กแน่นอน ส่งผลกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการด้านสังคมที่ดี วิธีที่คุณพ่อคุณแม่จะเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้ผ่านประสาทสัมผัสด้านการรับกลิ่นก็เช่น การพาลูกไปสัมผัสกับกลิ่นหอมของดอกไม้ในสวน หรือดอกไม้ในบ้าน หรือใช้ผลไม้ที่มีกลิ่นหอมต่างๆ" ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

       พร้อมกันนี้ นพ.ถิรชัย ยังกล่าวเสริมอีกว่า ในปัจจุบันยังมีกลิ่นทางเลือกอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ กลิ่นที่สกัดจากดอกไม้ธรรมชาติ เพราะมีความหอมติดทนนาน ทั้งยังอ่อนโยนต่อผิว ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเช่น สบู่ แชมพู แป้งเด็กที่มีกลิ่น สิ่งที่ต้องระวังคือการทำให้ลูกเกิดการระคายเคืองถ้าหากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีการผสมน้ำหอม เพราะเด็กมีผิวหนังที่บอบบางมาก ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้จึงควรเป็นสูตรอ่อนโยน ผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิก ส่วนกลิ่นหอมในผลิตภัณฑ์ต้องเป็นการสกัดจากธรรมชาติ ไม่ใช่การแต่งกลิ่นจากสารเคมี

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ