ชวนเด็กซนกิน-เล่นแบบมีสาระ

 

                        ปิดเทอมร้อนๆ ได้เวลาพักผ่อนของเด็กๆ กันแล้วล่ะ แต่พักได้แค่เรื่องวิชาการเท่านั้นนะคะ เพราะวัยซนคือวันเรียนรู้พัฒนาการจากแวดล้อมรอบตัวก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจ เหตุนี้ พาราไดซ์ พาร์ค จึงเปิดพื้นที่กิจกรรมสุดหรรษา ที่จัดไว้ให้น้องๆ ร่วมปฏิบัติภารกิจพิสูจน์ความเก่ง ความกล้า ผ่านด่านฝึกปฏิบัติทั้ง 7 ฐาน ให้ผู้ปกครองพาคุณหนูแต่ละคนใช้เวลาว่ามุ่งมั่นใช้ความคิดและลงมือปฏิบัติภารกิจกันแบบสุดฝีมือเพื่อเป็นหนูน้อยคนเก่ง พร้อมฟังข้อคิดดีๆ จาก 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก บริเวณ รอยัลพาร์ค พลาซ่า ชั้น 1 ของศูนย์การค้าเมื่อวันก่อน

 

                        ประเดิมการเรียนรู้ด้วยเหล่าเซเลบริตี้รุ่นเยาว์ อาทิ “น้องพิณ-พิณไพเราะ” ลูกสาวคนสวยของ “คุณแม่ติ๊ก" อภิภาวดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปลื้มเป็นพิเศษกับฐานทำอาหาร และวิทยาศาสตร์ ส่วน “น้องธีธี" ธีธัต ลูกชายวัยซนของ "คุณแม่ขวัญ"-ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ก็สนุกสนานเป็นพิเศษกับการเป็นนักสืบตัวน้อย ค้นหาไข่ไดโนเสาร์ นอกจากนี้ยังมีฐานของศิลปะ ภาษา คณิตศาสตร์ และดนตรี ให้เล่นสนุกแบบมีสาระได้ทั้งวันอีกด้วย

 

                        “ป้าหมอ" พ.ญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวช และทารกแรกเกิดชื่อดัง ให้ความรู้ว่า สิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ลูกน้อยได้ดีที่สุด คือ น้ำนมแม่ ซึ่งระยะ 6 เดือนแรก คุณแม่ควรจะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ล้วนๆ งดการให้น้ำเปล่า กล้วย หรืออาหารเสริมอื่นๆ หลังจาก 6 เดือน จึงให้อาหารเสริม และข้าวในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ช่วงคลอดใหม่ๆ คุณแม่หลายคนจะมีปัญหาว่าน้ำนมน้อย จึงอยากแนะนำว่าต้องพยายามให้ลูกดูดนมจากเต้าบ่อยๆ เพราะการดูดนมของลูกเป็นกระตุ้นการสร้างน้ำนมที่ดีที่สุด ให้คิดอยู่เสมอว่ายิ่งกระตุ้นเยอะ ก็ยิ่งสร้างเยอะ และจากงานวิจัยสรุปแล้วว่าการดื่มนมแม่จะช่วยให้ร่างกายแข็งกว่า มีโอกาสเป็นภูมิแพ้น้อยกว่า เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนน้อยกว่า มีพัฒนาการที่ดีกว่า และยังลดโอกาสการเกิดโรคหอบหืด หูอักเสบเรื้อรัง เลือดกำเดาไหลบ่อย รวมถึงอาการนอนกรน

 

                        ขณะที่ “หนูดี-วนิษา เรซ สาวอัจฉริยะกล่าวเสริมถึงการเสริมสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อยว่าปัจจุบันเด็กมีทางเลือกเยอะขึ้นในเรื่องหลักสูตรการศึกษา การเรียนรู้ใหม่ๆ ทั้งเรื่องภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แต่ผู้ปกครอง ก็ควรจะเลือกแต่พอดี พูดคุยกับลูกในสิ่งที่ลูกอยากเรียน ไม่ใช่บังคับ

 

                        "ควรเริ่มต้นให้ลูกได้เรียนรู้เสริมต่างๆ ในขวบปีที่พร้อม เพื่อจะได้พัฒนาการทั้งสมอง และร่างกายไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรจะสนันสนุนให้เด็กอ่านหนังสือ ให้ได้เทอมละ 500 เล่ม จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านสมองในด้านดี ช่วยให้เป็นเด็กช่างสังเกต จดจำได้ดี และควรจะให้อยู่ห่างเทคโนโลยีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ท เพราะมีงานวิจัยสรุปแล้วว่า การดูโทรทัศน์วันละ 1 ชั่วโมง จะทำให้เด็กสมาธิสั้นลง 10 เปอร์เซ็นต์และที่สำคัญอย่าลืมสนับสนุนให้เด็กๆ เล่นกีฬา โดยเฉพาะว่ายน้ำ และปิงปอง เพราะจะช่วยในการพัฒนาสมอง ฝึกให้คิดเร็ว ตอบสนองไว” หนูดี แนะนำ