พระเครื่อง

พบวัดชานกรุงกว่า140ปี'ทิ้งร้าง'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมศิลป์พบพระอุโบสถวัดลาดบัวขาวอายุกว่า 140 ปี ถูกทิ้งร้างไว้ชานเมืองหลวง เผย 'หลวงปู่ทอง' เจ้าอาวาสองค์แรกเกจิดัง ตระกูลสิงหเสนีสร้าง-กรมศิลป์ตั้งงบบูรณะ

           เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายธาราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สำนักโบราณคดีได้สำรวจพบวัดเก่าแก่ถูกทิ้งร้างตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 1 แห่ง ได้แก่ วัดลาดบัวขาว หรือวัดราชโยธา ตั้งอยู่เลขที่ 33 หมู่ 14 ริมถนนวงแหวนรอบนอก เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ โดยพระอุโบสถซึ่งเป็นโบราณสถานมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้ตั้งงบประมาณดำเนินการซ่อมแซมบูรณะไว้เบื้องต้น

           "เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพระอุโบสถซึ่งเก่าแก่มากจะหักโค่นลงมา กรมศิลปากรจึงได้ตั้งงบ 9 แสนไปทำการค้ำยันไม่ให้ตัวโบราณสถานหักโค่นลงมา และในปีงบประมาณ 2556 ได้จัดทำงบซ่อมบูรณะเบื่องต้นไว้ 5 ล้านบาท แต่คาดว่ายังไม่เพียงพอเพราะพระอุโบสมีความเสียหายมาก จึงจะตั้งของบประมาณต่อเนื่องปี 2557 อีก 5 ล้านบาทเพื่อทำการบูรณะอย่างถาวรและปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามด้วย"  นายธาราพงศ์ ระบุ
 
           ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กล่าวอีกว่า ได้เดินทางเข้าไปสำรวจพบว่า วัดหลวงปู่ทองเป็นวัดดังในย่านนั้นและยังมีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่ปล่อยพระอุโบสถทิ้งร้างเพราะทางวัดไม่มีงบประมาณในการบูรณะ ซึ่งวัดลาดบัวขาวหรือวัดหลวงปู่ทองนี้ ถือเป็นวัดและโบราณสถานแห่งที่ 3 ที่สำนักโบราณคดีได้สำรวจโบราณสถานถูกทิ้งร้างกลางกรุง โดยก่อนหน้านี้ได้สำรวจพบไปแล้ว 2 แห่ง คือ อุโบสถเก่าที่วัดสวนสวรรค์ ใกล้สะพานพระราม 8 และอุโบสถวัดภุมรินราชปักษี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ปากคลองบางกอกน้อย เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า

           สำหรับประวัติวัดลาดบัวขาว หรือวัดหลวงปู่ทอง สร้างโดยพระยาราชโยธา (เนียม สิงหเสนี) และพระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี) สองพี่น้อง บุตรเจ้าพระยามุขมนตรี (เกด สิงหเสนี) หลานปู่ของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เมื่อประมาณปี 2415 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี 2425 ชื่อว่า วัดลาดบัวขาว เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับบึงน้ำซึ่งมีดอกบัวสีขาวเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านยังคงเรียกชื่อว่า วัดราชโยธา หรือวัดพระราชโยธา มาจนทุกวันนี้

           หลังจากสร้างวัดเสร็จแล้วพระยาราชโยธาได้ไปนิมนต์หลวงปู่ทอง (อายะนะ) มาครองวัดเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งท่านเป็นที่นับถือของประชาชนในละแวกวัดและบริเวณใกล้เคียงอย่างมากในเวลาต่อมา ท่านมีอายุยืนยาวถึง 117 ปี  เป็นยอดพระเกจิที่เก่งมากโดยท่านเป็นศิษย์รุ่นน้องของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) (ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันอีกท่าน คือ หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์)

           นอกจากนี้ สหายของหลวงปู่ทองที่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาความรู้และวิชาอาคมต่างๆ ก็มี หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท, หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก, หลวงปู่ภู วัดอินทร์, หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง, หลวงปู่แช่ม วัดท่าฉลอง จ.ภูเก็ต, ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม, หลวงปู่ปั้นวัดเงิน ตลิ่งชัน

           ส่วนลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองก็มี หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่าน เพราะท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ให้เอง นอกจากนี้ ยังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่านที่มาขอเรียนวิชาจากหลวงปู่ทอง ในสมัยก่อนหลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระที่มีอาวุโสสูง และทรงไว้ซึ่งวิทยาคมแก่กล้า

           ด้านพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ หลวงปู่ทองก็สร้างไว้พอสมควร แต่ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้เห็นกัน เพราะหายากมาก แม้แต่ตอนสงครามอินโดจีน พระยาพหลพลพยุหเสนา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังได้นิมนต์ท่านขึ้นเครื่องบินไปโปรยทรายเสก รอบวัดพระแก้ว และสนามหลวง รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง เพื่อคุ้มครองมิให้เป็นอันตรายจากระเบิดและคมอาวุธของข้าศึก และยังได้ขอร้องให้ท่านสร้างเสื้อยันต์เพื่อแจกทหารไปใช้ในสงครามด้วย ซึ่งเสื้อยันต์นี้มีกิตติศัพท์เลื่องลือกันมากว่าแคล้วคลาดยิงไม่ถูกหรือโดนยิงแล้วไม่เป็นอะไร บางคนโดนยิงล้มลง ก็ยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนได้รับฉายาว่า ทหารไทยเป็นทหารผี

           หลวงปู่ทองท่านเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ท่านมีอภิญญาปาฏิหาริย์มากมาย หลวงปู่ทองท่านมรณภาพ ปี 2480 อายุรวม 117 ปี นับเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบันปัจจุบันลูกศิษย์ได้สร้างรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งของท่านไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย วัดลาดบัวขาวนับเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในพื้นที่เขตสะพานสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ