ข่าว

'อ้วนซ่อนรูป'เสี่ยงไขมันเกาะตับ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รู้มั้ย! 'อ้วนซ่อนรูป' เสี่ยงไขมันเกาะตับ

                         รูปร่างภายนอกที่ดูไม่อ้วน แท้จริงแล้วอย่าได้แน่ใจว่าจะไม่มีภาวะไขมันเกินมาตรฐาน เพราะ "ภาวะไขมันสะสมในตับ" คือภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันภายในเซลล์ตับ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ โดยอาจมีเพียงการสะสมของไขมันอย่างเดียว หรืออาจมีการอักเสบของตับร่วมด้วย ซึ่งหากละเลยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็อาจทำให้โรคลุกลามจนยากแก่การรักษา

                         รศ.นพ.สมบัติ  ตรีประเสริฐสุข แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า โรคตับที่พบบ่อยในชาวเอเชีย และคนไทย นอกจากไวรัสตับอักเสบบี, ซี และโรคตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ปัจจุบันยังพบภาวะไขมันสะสมในตับ หรือ ไขมันเกาะตับ ในผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น ภาวะไขมันสะสมในตับ คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันภายในเซลล์ตับ ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ ในคนไข้บางรายอาจพบการอักเสบของตับร่วมด้วย ซึ่งการปล่อยให้ตับอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่การเกิดพังผืดในตับ หรือ ภาวะตับแข็ง ได้ในที่สุด

                         “ไขมันเกาะตับอาจดูไม่รุนแรง แต่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งในระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะคนอ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่ก็ใช่ว่าคนที่มีรูปร่างผอมบาง จะไม่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะคนอ้วนซ้อนรูป 1 ใน 4 กลุ่มนี้พบภาวะไขมันสะสมในตับ ซึ่งปัจจุบันอุบัติการณ์ของโรคนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มคนเอเชียที่มีรูปร่างเล็ก ผอมบาง แต่มีภาวะอ้วนลงพุง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต กินดีอยู่ดี ไม่ชอบออกกำลังกาย” คุณหมอ อธิบาย

                         พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ภาวะไขมันเกาะตับมีความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวาน ความดันสูง คลอเรสเตอรอลสูง และน้ำหนัก และรอบเอวเกิน หรือรวมเรียกว่า โรคเมตะบอลิคซินโดรม อย่างเห็นได้ชัด โดยปัจจัยสำคัญของการเกิดภาวะไขมันสะสมในตับคือ "อาการดื้อต่ออินซูลิน" ร่วมกับกลไกอื่นที่มากระตุ้น เช่น การอักเสบ และการตายของเซลล์ตับ ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจน

                         ในขณะที่บางรายที่เป็นมานาน จะเริ่มมีอาการจุกแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา หรือมีอาการเริ่มต้นของภาวะตับแข็ง เช่น อ่อนเพลีย ท้องโต ปรากฏให้เห็น ในอดีตคนไข้ที่พบภาวะเสี่ยงตับแข็งหรือไขมันเกาะตับในระยะเริ่มต้น แพทย์จะทำการเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจหาความผิดปกติ และให้ยารักษา ในขณะที่ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ได้พัฒนาเครื่องวัดความยืดหยุ่นของตับ "ไฟบรอสแคน วิธ แคบ ( Fibroscan with CAP (Controlled Attenuation Parameter)" ที่ให้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำด้วยเทคนิคอุลตร้าซาวน์ แทนการเจาะชิ้นเนื้อ เพื่อลดอาการเจ็บปวด และผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาพักรักษาตัว

                         นอกจากจะสามารถตรวจประเมินสภาวะพังผืดในเนื้อตับในผู้ป่วยที่เป็นตับแข็งระยะแรกๆ รวมถึงติดตามผลแล้ว ยังช่วยประเมินระดับความรุนแรงเพื่อวางแผนการรักษาและวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งแทนการเจาะเนื้อตับ อีกทั้งยังสามารถประเมินและแสดงปริมาณไขมันสะสมในตับสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ( Fatty liver) ได้พร้อมกันภายในครั้งเดียวอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

                         ทั้งนี้ คุณหมอ แนะว่า ภาวะไขมันเกาะตับ มีความรุนแรงและแตกต่างจากโรคตับที่เกิดจากไวรัส เนื่องจากไม่มียารักษา นอกจากการออกกำลังกาย เปลี่ยนนิสัยการกินอยู่ ลดอาหารประเภทแป้ง และไขมัน ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะชะล่าใจ คิดว่าตัวเองยังแข็งแรง สุขภาพดี รอจนกระทั่งเกิดการอักเสบ เมื่อมาพบแพทย์ก็สายไปแล้ว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ