
พลังเงียบ
พลังเงียบ : คันฉ่องและโคมฉาย ธรรมะสำหรับนักบริหาร (15 )จบ โดย ว.วชิรเมธี
เราคนไทยนี่ยังมีคนดีอยู่จำนวนมากซึ่งไม่ได้เป็นนักการเมือง สังเกตไหมว่า วิกฤติขนาดนี้แต่เศรษฐกิจไทยแข็งโป๊ก อาตมาจึงรู้สึกดีนะว่าเรามีนักธุรกิจที่เก่งๆ จำนวนมาก และเท่าที่รู้จักคุ้นเคย พูดได้เลยว่าเรามีนักธุรกิจที่ดีกว่าคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของบ้านนี้เมืองนี้อีกเป็นร้อยคน เสียอย่างเดียวคือเขาไม่กล้าไปเป็นนายกฯ เท่านั้น นี่คือจุดแข็ง
ผู้ใหญ่ที่พูดประโยคนี้กับอาตมาคือท่าน อานันท์ ปันยารชุน ท่านบอกว่าถ้าเราไม่มีนักธุรกิจที่เก่งและแกร่ง เมืองไทยตอนนี้เหลือแต่ซาก ฉะนั้นภาคการเมืองร้อนแต่ภาคธุรกิจยังคงอยู่ ตรงนี้ต้องเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา ที่ทำให้รากฐานของประเทศในเชิงธุรกิจยังคงดำรงอยู่ได้ แต่สิ่งที่อยากจะเตือนคืออยากให้นักธุรกิจทั้งหลาย มีสำนึกในเชิงสังคมให้มากขึ้น นั่นคือการช่วยเหลือสังคม ไม่เพียงแต่เป็น CSR เท่านั้นแต่ควรจะลึกกว่า คือไม่ใช่แค่งาน event เอาผ้าห่มไปแจก อาตมาว่ามันต้องมากกว่านั้น คือต้องทำให้เป็นวิถีชีวิต เป็นธุรกิจสีเขียว (green business) ที่ทำจนเป็นวิถีชีวิตขององค์กรจริงๆ ไม่ใช่แค่ event ถ่ายรูปแล้วก็ลงข่าวสังคม
อาตมาคิดว่า ต้องทำให้เป็นเส้นเลือดใหญ่ขององค์กร องค์กรจะต้องมีสำนึกในเชิงสังคม นี่คือสิ่งที่อาตมาอยากจะขอจากบรรดานักธุรกิจและผู้บริหารทุกท่าน อย่าลืมมิติเชิงสังคมด้วย ถ้าสังคมอยู่ธุรกิจของเราก็อยู่ ถ้าสังคมอยู่ไม่ได้ธุรกิจของเราก็เจ๊งเหมือนกัน
วิธีที่จะแสดงสำนึกรับผิดชอบทางการเมืองและสังคมมันไม่จำเป็นจะต้องใช้ความรุนแรง มันมีหลายวิธีที่พอจะช่วยกัน อย่างอาตมาเป็นพระ อาตมาก็เทศน์ วู้ดดี้เขาถาม อาตมากลัวไหม ทำไมฉันจะไม่กลัว แต่เราก็มีความรับผิดชอบต่อสังคม สังคมนี้ให้ข้าวปลาอาหารเรา ถ้าพระกลัวแล้วโยมจะไปเหลืออะไร เพราะฉะนั้นพระก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม
เช่นเดียวกันกับนักธุรกิจก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม อย่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อย่าทำตัวเป็นพลังเงียบ พลังเงียบหมายความว่าไม่สนอะไรเลย ขายของอย่างเดียวแล้วก็ดูละครน้ำเน่า ดูซีรีส์เกาหลี พอเขาตีกันฉันบินไปนอก อันนี้คือพลังเงียบ
พลังเงียบมีสองอย่างหนึ่งแบบแรกคือไม่เอาอะไรเลย รอรับแต่สิ่งดีๆ แต่พลังเงียบอีกแบบหนึ่งเป็นพลังเงียบคิดเงียบๆ ก็ได้ ห่วงใยเงียบๆ ก็ได้ เช่น ห่วงใยคนไทยอยู่เงียบๆ ที่บ้าน คุณก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ประเทศแย่ลงแล้ว แต่พลังเงียบที่น่าตำหนิคือไม่สนเลย บ่นแล้วก็หลบรอให้ประเทศกลับมาดีแล้วก็ค้าขาย อันนี้เป็นพลังเงียบที่น่าตำหนิ
ส่วนพลังเงียบที่ไม่ทำอะไรแต่เป็นห่วงอยู่ที่บ้าน พูดเรื่องนั้นคุยเรื่องนี้ หาวิธีประนีประนอมออมชอมแม้จะทำเงียบๆ ไม่เป็นที่ปรากฏต่อสังคม แต่นี่ก็เป็นพลังเงียบที่น่ายกย่องแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่เราจะช่วยกันได้
สรุปสั้นๆ คือหนึ่งช่วยทำความเข้าใจ สองช่วยกันรักเมืองไทย ในวิธีที่ถูกต้อง ทำได้แค่นั้นก็ประเสริฐมากแล้ว