Lifestyle

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ คอลัมน์... ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย...  เอก อัคคี

    
กล่าวสำหรับ ตำรับปรุงยาจินดามณีนี้ ว่ากันว่า แรกเริ่มเดิมทีนั้นตำรับยานี้เป็นของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา 
    

ซึ่งเรื่องราวของสมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้วนั้น เป้นที่รับรู้กันมายาวนานถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของท่าน โดยเฉพาะความปราดเปรื่องในเรื่องสรรพวิชาพุทธาคมและชัยมงคลคาถา ซึ่งหลวงพ่อจรัญ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) ครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน ในยุคนี้ (ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว)เคยบอกเล่าเอาไว้ว่า 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง...  ขอดเกล็ดปลาตะเพียนอาคม สุดยอดเครื่องรางขลังเมตตาค้าขาย หลวงพ่อประเสริฐ วัดแก้ว สุพรรณฯ  

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ฆราวาส-ครูหมอยาสายเขาอ้อ


    

ได้มีนิมิต คืนหนึ่งท่านฝันว่า สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ให้ท่านไปวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วนำบทสวดที่ท่านจารึกถวายสมเด็จพระนเรศวรออกมาเผยแพร่ ต่อมาหลวงพ่อจรัญจึงได้พบจารึกบทสวดพุทธชัยมงคลคาถาต่อด้วยชัยปริตรท่านเชื่อว่าบทสวดดังกล่าวสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ถวายให้สมเด็จพระนเรศวรสวดเป็นประจำ ทำให้ทรงรบชนะและปลอดภัยกลับมา
    

สำหรับสมเด็จพระพนรัตน์ป่าแก้ว ท่านมีตัวตนจริงและอุปสมบทจนมีสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระนพรัตน์ซึ่งเป็นสมณศักดิ์เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี (สายวัดป่า)
    

เพราะหากไปสืบค้นในเอกสารโบราณอย่างพระราชพงศาวดารฉบับ พันจันทุมาศ(เจิม) จะพบเรื่องราวของท่านอยู่ มีความว่า หลังสงครามยุทธหัตถี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกกาทศรถ ทรงมีพระราชโองการว่า เหล่าทหารแม่ทัพนายกองตามเสด็จในราชการสงครามไม่ทัน ปล่อยให้ช้างพระที่นั่งของทั้งสองพระองค์เข้าไปอยู่ท่ามกลางข้าศึก จึงรับสั่งให้เอานายทัพนายกองทั้งหมดไปจองจำไว้ 3 วัน พอพ้นวันอุโบสถแล้วจะให้สำเร็จโทษตามพระอัยการศึก
    

เมื่อถึงวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันอุโบสถสมเด็จพระพนรัตน์ป่าแก้วแลพระราชาคณะ25 รูป เข้ามาสอบถามเหตุที่ลงราชทัณฑ์นายทัพนายกอง แล้วถวายพระพรว่า พระโคตมพุทธเจ้าขณะประทับเพียงลำพังใต้ต้นพระศรีมหาโพธิปราศจากเทพเจ้าสักองค์อยู่ถวายอารักขา ก็ทรงชนะท้าววสวัตตีพร้อมทั้งกองทัพได้เป็นมหัศจรรย์ เช่นเดียวกันหากทรงมีชัยชนะเพราะมีทหารตามเสด็จจำนวนมาก ก็จะไม่เป็นพระเกียรติยศมหัศจรรย์ปรากฏต่อนานาประเทศ

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

เม็ดยาจินดามณี ตำรับเขาอ้อ
    

สมเด็จพระนเรศวรทรงพอพระทัยตรัสว่าสาธุ ๆ สมเด็จพระพนรัตน์จึงถวายพระพรต่อว่าข้าราชการเหล่านี้ทำงานมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน จึงขอพระราชทานบิณฑบาตโทษไว้สักครั้งหนึ่ง จะได้รับราชการต่อไป สมเด็จพระนเรศวรพระราชทานอภัยโทษตามที่ท่านขอ แต่จะให้ไปตีเมืองตะนาวศรีและเมืองทวายเป็นการแก้ตัวแทน สมเด็จพระพนรัตน์ถวายพระพรว่าแล้วแต่จะทรงสงเคราะห์ เพราะการรบไม่ใช่กิจของสงฆ์ แล้วถวายพระพรลา 
    
…................
    
ในหนังสือ ตำรากรรมฐานแบบมัชฌิมาวัดราชสิทธาราม วัดพลับ ธนบุรี ระบุว่า สมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้วก็คือ พระมหาเถรคันฉ่อง พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยอดนักรบ โดยเนื้อหายืนยันว่า 
    

“ในกาลต่อมาเมื่อทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา(พระมหาธรรมราชา) สมเด็จพระพนรัต"เดิมเรียก พระพนรัตสังฆราชา" พระองค์ที่ 12 แห่งกรุงศรีอยุธยาถึงกาลสิ้นพระชนม์ลง สมเด็จพระนเรศวรฯจึงเห็นสมควรให้สถาปนา สมเด็จพระอริยวงศาญาณ " พระมหาเถระคันฉ่อง " ซึ่งทรงเชี่ยวชาญในทางวิปัสสนาธุระ ให้ขึ้นรั้งในฐานะ พระพนรัตสังฆราชา สืบต่อเป็นองค์ที่ 13 แห่งกรุงศรีอยุธยา 
    

พระมหาเถรคันฉ่องท่านเป็นพระภิกษุชาวมอญลูกครึ่งจีน พูดได้ 5 ภาษา เกิดในรัชสมัยพระเจ้าสิริชัยสุระ(พระเจ้าเมงจีโย)ร่ำเรียนวิชาวิทยาคมจนช่ำชอง ต่อมาถูกเกณฑ์เป็นทหารในสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้  ก่อนจะอุปสมบทในสมัยพระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดีและต่อมาพระมหาเณรคันฉ่องได้ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอพยพมากรุงศรีอยุธยาด้วย ซึ่งพระองค์โปรดให้ครองวัดมหาธาตุในช่วงแรก เมื่อสถาปนาขึ้นเป็นพระสังฆราชแล้วจึงโปรดให้มาครองวัดป่าแก้ว ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มากด้วยบารมีธรรมและสรรพวิชาพุทธาคม
    
…...........................
    
กลับมาที่เรื่องราวของ ยาวิเศษที่เป็นทั้งยารักษาโรคและเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยยมมาจนถึงปัจจุบันนั้นคือ ยาวาสนาหรือยาจินดามณี ซึ่งในพื้นที่ภาคกลางของไทยเราแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยานี้ เป็นที่ยมอรับกันอย่างกว้างขวางว่า ผู้ที่สืบทอดตำราการปรุงยาจินดามณีคือ หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว 
    

ตำรับยานี้บันทึกในสมุดข่อย ลงทองล่องชาด เป็นสมบัติล้ำค่าของวัดกลางบางแก้ว ปัจจุบันยังเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์วัดกลางบางแก้ว ซึ่งอดีตนั้นมีบันทึกว่า หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสรูปก่อนหลวงปู่บุญเป็นผู้นำมา ในตำรานี้กล่าวถึงกรรมวิธีการสร้างที่ละเอียดและยุ่งยากมาก เฉพาะแค่หาตัวว่านยามาให้ครบตามตำรา ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ว่านยาแต่ละชนิดต้องนำมาเสกด้วยคาถากำกับ เมื่อเสกตัวยาแต่ละส่วนแล้ว ก็เอามาผสมคลุกเคล้ากันโดยมีเสกคาถากำกับตลอดเวลา ตัวหินบดยาก็ต้องลงอักขระ ทั้งตัวลูกหินและแม่หินและมีคาถากำกับขณะบดยาด้วย

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

 พระสิวลีและพระปิดตามหาลาภ เนื้อผงยาจินดามณี
    

หลวงปู่บุญท่านได้ปรุงยาจินดามณีแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆและเป็นแท่ง แล้วให้ลูกศิษย์ที่เข้าพิธีสร้างยานำมากดพิมพ์เป็นพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ แล้วนำมาถวายให้หลวงปู่บุญปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง พระเครื่องที่สร้างด้วยผงยาจินดามณีในอดีตนั้น มีหลายพิมพ์อาทิเช่น พิมพ์ลีลาซุ้มขีดหรือลีลาหนังตะลุง,พิมพ์ลีลากลับด้าน, พิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ,พิมพ์พระประธาน,พิมพ์ซุ้มระฆัง,พิมพ์ซุ้มเรือนแก้ว,พิมพ์สมาธิเพชรซุ้มโค้ง,พิมพ์ซุ้มรัศมี,พิมพ์ซุ้มชินราช,พิมพ์สมเด็จฐานหกชั้น(ไพ่ตอง),พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่,พิมพ์ปรกโพธิ์เล็ก,พิมพ์ห้าเหลี่ยมฐานหกชั้นพิมพ์สมาธิเกศแหลม เป็นต้น หลวงปู่บุญ ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2478 สิริรวมอายุ 87 ปี

…...................
    
ส่วนตำรายาจินดามณี สายสำนักตักศิลามหาเวทย์เขาอ้อนั้น อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ท่านได้ศึกษามาจากตำรายาของสำนักเขาอ้อที่ตกทอดมาตั้งแต่โบราณจัดสร้างตามตำราครบถ้วนเต็มสูตร ยาจินดามณี ในตำรับเขาอ้อ เป็นตำรายาวิเศษมีมานานแล้วทั้งนี้ ยาจินดามณีในสายเขาอ้อนั้นหาได้มีแต่เพียงยาจินดามณีอย่างเดียวเพียงเท่านั่น แต่ยังมียาจินดา อีก 3ตัวที่ปัจจุบันคาดว่ามีผู้รู้น้อยนักคือ

1.ยาจินดาแก้วไพฑูรย์ จะทำได้ในเดือน 3 ขึ้น 15 ค่ำ ให้ตรงกับราชาฤกษ์หรือเพชรฤกษ์
2.ยาจินดาแก้ววิเชียร จะทำได้ในเดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำ ให้ตรงกับเทวีฤกษ์และเพชรฤกษ์
3.ยาจินดาแก้วปัทมราช จะทำได้ในเดือน 6หรือเดือน8 ขึ้น 15 ค่ำ ให้ตรงกับฤกษ์สมโณฤกษ์และภูมิปาทิโลฤกษ์
และ 4. คือ ยาจินดาแก้วมณี หรือ ยาจินดามณี หรือ ยาวาสนา จะนิยมทำในเดือน 12 ขึ้น 15  ค่ำให้ตรงกับฤกษ์เทวีฤกษ์และเพชรฤกษ์  แต่ในบรรดายาจินดาทั้ง 4จำพวกนี้ยาที่นิยมทำกันมากที่สุดคือ ยาจินดาแก้วมณีหรือยาวาสนาจินดามณี 
     

อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต เล่าว่า " มีหลายคนเคยสงสัยและถามว่า...สายเขาอ้อ..มีการทำยาจินดามณีด้วยหรือ กระผมจึงขอตอบแทนอาจารย์ต่างๆได้อย่างเต็มปากเลยว่ามีแน่นอนครับและมีมานานมากด้วย เพราะในตำราที่ผมมีก็ได้จากคุณทวดซึ่งคุณทวดกระผมถ้ามีชีวิตอยู่ก็ราว 136 ปีแล้ว และตำราทวดเล่มนี้เป็นตำราที่ทวดเล่าปู่ผมว่าคัดลอกมาจากตำราเล่มเก่าที่วัดเขาอ้อ สมัยที่ท่านไปบวชเรียนที่วัดเขาอ้อ  ทวดผมเป็นศิษย์ในอาจารย์ทองเฒ่า อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ และที่แสดงให้เห็นว่าเก่าแก่นั้นในตำราทวดนั่นอักษรบางตัวเป็นการเขียนอักษรแบบสมัยอยุธยาและยังมีตัวอักษรทางพราหมณ์สอดแทรก แสดงให้เห็นว่าตำรานี้มีมานานแล้ว แต่ที่ไม่เป็นที่โด่งดังมากนักเพราะสายเขาอ้อ ขึ้นชื่อในทางด้านคงกระพัน แช่ว่าน แช่ยา หุงเหนียวกินมัน จนทำให้ความสนใจทางด้านยาตัวนี้ถูกมองข้ามไป แต่ปัจจุบันยังคงมีการทำอยู่ให้เห็นอยู่บ้างในสายฆราวาสเขาอ้อ ร่วมทำกับวัดต่างๆ เพื่อสืบสานตำนานยาวิเศษขนานนี้ไว้ 

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

พระปางห้ามญาติเนื้อผงยาจินดามณี
    

ความแตกต่างของยาจินดามณีในสายเขาอ้อและสายอื่นๆ ยาจินดามณีสายเขาอ้อมีความแตกต่างกันกับยาจินดามณีสายอื่นๆ อยู่บ้างพอสมควรไม่ว่าจะเป็นตัวยาที่ใช้บด ใช้ปรุง กรรมวิธีต่างๆคาถาการปลุกเสก การไปเอาว่านยา ขั้นตอนการบด ขั้นตอนการทำพิธีต่างๆ ก็แตกต่างกันพอสมควร  แต่ผมขอสงวนสูตรยาและวิธีการสร้างไว้นะครับ" 
        
…...........
    
สำหรับ ผงว่านยาจินดามณี (ยาวาสนา) ประกอบด้วย สมุนไพร อันมีคุณค่าทางยา ปลุกเสก 9 วาระ 9 พิธี เสกข้ามปีคือเมื่อปลายปี 2561-2562  ข้ามนักษัตรกันเลยทีเดียว ในการปรุงยาก็กระทำพิธีกรรมอย่างเคร่งครัดใช้กระแสจิตปลุกเสก ด้วยอาคมตามขั้นตอนวิธี เรียกว่าเป็นยาที่ทรงคุณวิเศษทาง บำบัดรักษาโรคร้ายตลอดโรคภัยไข้เจ็บอันเกิดมาจากเคราะห์กรรมด้วยมีผลบันดาลให้เคลื่อนคลาด ทุเลาเบาบาง
    

โดยมีการประกอบพิธีวาระแรก ณ.โบสถ์พราหมณ์มหาอุต บ้านร่มเมือง จ.พัทลุง มีพระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสกในพิธีขณะบดยาเสกยา คือ พ่อท่านชอบ วัดจำปาวนาราม จ.นครศรีธรรมราช (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว), พระครูใบฎีกาโกวิท โกวิโท วัดบ้านสวน จ.พัทลุง
    

ฝ่ายอาจารย์ฆราวาสที่ร่วมปลุกเสกและบดยาปรุงยาจินดามณี คือ อาจารย์แซม บ้านนาปรือ,อาจารย์สมพร บ้านห้วยศรีเกษร,อาจารย์สุรพล ยูงทอง,อาจารย์สิทธิชัย โหรบัณฑิต ,หมอศักดิ์ บ้านแร่ ,หมอเอ็ม จ.ตรัง,หมอชาติ บ้านทุ่งยาว ,หมอพล บ้านโหล๊ะจัน จากนั้นก็นำไปปลุกเสกอีก 8 วาระสำคัญ หนึ่งใน 8 คือ ไปประกอบพิธีที่ถ้ำพระพุทธโกษีย์ วัดในเตา โดย พระอาจารย์ประสูติ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ อาจารย์เปลี่ยน หัทยานนท์ เป็น ประธานฝ่ายฆราวาส 

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

 พิธีกรรมปลุกเสกยาจินดามณี


    
…..........
    
เม็ดยาจินดามณี แบบโบราณขนานแท้ ทำพิธีบดยาในวันจันทร์เพ็ญปั้นมือแล้วอาบแสงอาทิตย์ครบตามกำลังธรรมชาติ..พระอาทิตย์+พระจันทร์ แทนตำแหน่งพระราชา+พระราชินี ตามความเชื่อเพื่อให้ได้ความดั้งเดิมที่สุด 
    

ซึ่งทุกครั้งจะเริ่มด้วยพิธีบวงสรวงเทพเทวดาตามธรรมเนียมประเพณีแต่โบราณ โดยตั้งศาลเพียงตา ตั้งบัตรพระเกตุ บัตรพระภูมิ บัตรกรุงพาลี และ ยังมีบัตรบูชาเทพอีก 5 บัตรพลี ได้แก่ - บัตรพลีพระพุทธ(บัตรพระพุทธ) - บัตรพระอิศวร - บัตรพระนารายณ์ - บัตรพระพรหม - บัตรพระพิฆเณศ ทำการบูชาเทพเทวดา บูชาฤกษ์ เพื่อขอพรให้พิธีเกิดความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิทธิ์เป็นชัย บรรลุตามเจตจำนงในการกระทำพิธี ซึ่งเป็นการบูชากลางหาว และสังเกตุว่าการไหว้แบบนี้ ในแต่ละวันจะตั้งปรัมพิธีหรือยกศาลเพียงตานี้จะอยู่ตามทิศเทวดาของแต่ละวัน โดยดูว่าเทวดาในวันนั่นอยู่ทางทิศไหน ก็จะตั้งศาลขึ้นหันไปทางทิศนั่น จึงไม่ใช่จะหันไปอุดร หรือบูรพาเสมอไป แต่ต้องดูทิศเทวดา และหลีกหลาวเหล็ก หลีกทิศผีหลวง หลีกทิศกาฬกิณี ทิศมฤตยูจร ดูทิศพระกาฬจร และตำแหน่งที่นั่นต้องไม่ขัดต่อหลักการทำพิธี จึงจะสมบูรณ์ด้วยประการทั้งปวง


และจะต้องมีการทำเฉลว 8 มุมวางทับยาไว้ ซึ่งเฉลวเป็นเครื่องจักสานชนิดหนึ่งทำด้วยตอกหรือหวาย หักขัดกันเป็นมุม ตั้งแต่ 3 มุมขึ้นไป แพทย์แผนไทยใช้เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณะสำหรับปักหม้อยาเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ และป้องกันการละลาบล้วงเครื่องยาในหม้อยา มีความหมายถึงทิศทั้ง 8 ได้แก่ ทิศบูรพา (ตะวันออก) อาคเณย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) ทักษิณ (ใต้) หรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ประจิม (ตะวันตก) พายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) อุดร (เหนือ) อีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ซึ่งเป็นทิศที่แพทย์ผู้รักษาจะร่ายคาถา (อิติปิโสฯ) ไปถึง  นอกจากนี้ยังจะมีขั้นตอนสำคัญอีก 9 ขั้นตอนก่อนจะนำไปปลุกเสกอีก 9 วาระ
    

จากนั้นนำเนื้อผงว่านยาจินดามณีบางส่วนมากดเป็นพิมพ์พระเครื่องพระผงจินดามณี (เนื้อผงยาล้วนๆผสมน้ำผึ้งรวง)ด้านหลัง ฝังตะกรุดมหาลาภ เนื้อเงินยวงจารมือ พระทุกองค์กดมือ บล็อคปั้นเอง ใช้เนื้อยาล้วนๆ อาทิ พระสิวลี, พระนางพญา ,พระปิดตามหาลาภ , พระพุทธปางห้ามสมุทร
    

 

เปิดตำรับปรุงยาจินดามณี ของ อ.สิทธิชัย โหรบัณฑิต ครูหมอยาสายสำนักเขาอ้อ

การปลุกเสกยาจินดามณีต้องมีการวางเฉลว 8 มุมไว้เหนือเม็ดยาทุกถาด

 

กล่าวสำหรับ สรรพคุณยาวาสนาจินดามณี นั้น
1.ใช้กินเพื่อบำรุงเลือดลม บำรุงธาตุ บำรุงร่างกายให้เลือดลมสมบูรณ์ โบราณจัดเป็นยาอายุวัฒนะ
2.ใช้กินเพื่อเพิ่มราศี ขับราศี เป็นการเสริมดวงด้านโชคลาภ วาสนา เงินทอง โภคทรัพย์ 
3.ใช้กินเพื่อเสริมเมตตา เสริมเสน่ห์ให้แก่ตนเอง ผิวพรรณเปร่งปรั่งมีน้ำมีนวล ชวนให้เป็นที่ต้องตา
4.ใช้กินเพื่อรักษาและบำบัดโรคเวรโรคกรรม โรคที่เรื้อรังต่างๆ อาจไม่ทำให้หายขาดแต่ช่วยปรับฟื้นร่างกายได้ ให้สามารถรับยาหลวงได้ดีขึ้น 
5.พกพาเป็นเมตตา มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมแก่ผู้พบเห็น เมตตาแก่เจ้านาย คนรัก คู่ครอง นิยมใส่กรอบห้อยคอหรือใช้ตัวเหน็บกับเสื้อก็ได้
6.ใช้พกพาเสริมดวงมหาลาภ เสริมวาสนา เสริมโภคทรัพย์แก่ผู้บูชา ตามตำราพรรณนาไว้
7.ใช้ตั้งบูชาไว้กับร้านค้า บ้านเรือน หรือบริษัท เป็นมหาลาภ หนุนวาสนา ส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง
8.เป็นวัตถุมงคลคู่เรือนคู่บ้าน ใส่ผอบตั้งหิ้งพระ บูชาประจำ จักบังเกิดโภคทรัพย์ไม่อับ ไม่จนแล
    

การกินก็เป็นการเพื่อเสริมวาสนา บารมี เพื่อเป็นยาเสริมธาตุให้กินช่วงเช้า ตอนพระอาทิตย์กำลังขึ้นวันละเม็ดหรือกินก่อนเข้านอนหากกินครบตามกำลังวันจะดีกำลังวันเกิด ดังนี้  วันอาทิตย์กิน ๖ เม็ด  วันจันทร์ ๑๕ เม็ด วันอังคาร ๘ เม็ด วันพุธ ๑๗ เม็ด วันพุธกลางคืน ๑๒ เม็ด วันพฤหัส ๑๙ เม็ด วันศุกร์ ๒๑ เม็ด วันเสาร์ ๑๐ เม็ดหรือจะเอาพุทธคุณที่ดีๆ ก็เลือกกินในวันฤกษ์มงคล หรือในวันพระ หรือวันที่ตรงกับวันเกิดเรา หรือวันเพ็ญกินได้ทั้งกลางวันและกลางคืนหากกินกลางคืนต้องกินช่วงพระจันทร์เต็มดวงเต็มที่หรือกินในคืนพระจันทร์ทรงกลด ยิ่งดีมากก่อนกินให้อธิษฐานถึงครูว่านครูยา และบารมีในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ 
    

อาจารย์สิทธิ์ชัย โหรบัญฑิตบอกว่า ข้อควรทราบ..ยาวาสนาจินดามณีเป็นยาสมุนไพร สตรีมีครรภ์ และ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรทาน ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพราะโรคบางโรคกินยาหลวงร่วมยาสมุนไพรไม่ได้และการใช้ยาต้องตั้งหมั่นในศีลธรรมมีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อคุณว่าน คุณยา ท่านใดทำได้ประเสริฐแล
    

แต่สำหรับผมขอบอกว่า สิ่งที่ยากกว่าการกินคือ การหาเม็ดยาจินดามณีตำรับเขาอ้อขนานนี้ได้ได้ก่อนเถอะ.....เพราะทราบมาว่า ทุกวันนี้หายากมาก!!!!
    
ใครมีใครก็หวง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ