Lifestyle

สมบูรณ์ นาไพรวัลย์ เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้นแบบความสำเร็จ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมบูรณ์ นาไพรวัลย์ เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้นแบบความสำเร็จ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  

ที่บ้านเลขที่ 580/42 บ้านเขาเล็บงา หมู่ที่ 15 ตำบลหนองกลับ อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ของนายสมบูรณ์ นาไพรวัลย์ ในวันนี้ คือ ที่ตั้งของศูนย์ต้นแบบในด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ ภายใต้โครงการนิคมเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินนิคมเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน

 นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ศักยภาพของพื้นที่และเกษตรกรในพื้นที่นั้น ๆโดย ส.ป.ก. มุ่งหวังให้นิคมมีการพัฒนาที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนศูนย์ต้นแบบ จะทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่เกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เน้นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เพิ่มศักยภาพการผลิตโดยการสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ และศักยภาพของเกษตรกร ผ่านกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม การเชื่อมโยงตลาด อันจะส่งผลให้ เกษตรกรสามารถลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ นำไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์ต้นแบบ นายสมบูรณ์ ในฐานะปราชญ์เกษตรได้ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมไปสู่เพื่อนเกษตรกรที่สนใจ โดยใช้องค์ความรู้จากภูมิปัญญาที่สร้างสมมาจากประสบการณ์การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถช่วยสร้างแรงจูงใจให้เพื่อนเกษตรกรได้เกิดการปรับเปลี่ยนอาชีพ มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นรายได้หลักรวมถึงรายได้เสริมให้กับครอบครัว อีกทั้งยังมีถ่ายทอดแนวทางในการลดต้นทุนการผลิต ด้วยการพึ่งพาตนเอง เช่น การผลิตถ่านชีวภาพไบโอชาร์ขึ้นใช้เอง เพื่อเป็นวัสดุสำคัญในการปรับปรุงบำรุงดินให้คืนความอุดมสมบูรณ์ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างดี

                                              สมบูรณ์ นาไพรวัลย์ เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้นแบบความสำเร็จ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  
 “ผมจบการศึกษาชั้น ป.7 ครับเดิมทำนาอย่างเดียวโดยการเช่าที่ทำนา แต่ต่อมาในปี 2540 โชคดีได้รับคัดเลือกให้มีสิทธิ์เช่าที่ดินทำกินของ ส.ป.ก.จำนวน 10 ไร่ ปรับที่ขุดบ่อน้ำ ปลูกมะม่วงขาย ช่วงแรก ๆ ก็ดีครับอยู่ได้ประมาณ 4 ปี ต้องประสบทั้งปัญหาผลผลิตล้นตลาด และปัญหาภัยแล้ง น้ำในบ่อที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ทนไม่ไหวเลยต้องเปลี่ยนมาปลูกพืชผักสวนครัว เป็นรายได้อยู่ระยะหนึ่ง” นายสมบูรณ์กล่าว

                                              สมบูรณ์ นาไพรวัลย์ เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้นแบบความสำเร็จ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  
 แต่ระหว่างนั้นชีวิตของเกษตรกรผู้นี้ได้พลิกเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จึงเกิดความสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้สารเคมีทางการเกษตร อีกทั้งยังมีตลาดรองรับที่แน่นอน ในปี 2552 เขาจึงเริ่มต้นใหม่กับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมด้วยการเข้าร่วมกับบริษัทเอกชนที่ส่งเสริมการเลี้ยงแห่งหนึ่ง

                สมบูรณ์ นาไพรวัลย์ เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้นแบบความสำเร็จ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  
 จากการเริ่มต้นในจุดเล็ก ๆ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง  ส.ป.ก.เข้ามาช่วยติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จในอาชีพการเลี้ยงหม่อนไหมของเกษตรกรผู้นี้ค่อย  ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้านรายได้ ที่เพิ่มขึ้นตามความชำนาญในการเลี้ยง โดยสูงสุดสามารถสร้างรายได้ถึง 7,000 บาทต่อการเลี้ยงไหม 1 กล่อง
 “จากแรก ๆก็เลี้ยงไหมเป็นรายได้เสริม แต่ตอนนี้เป็นรายได้หลักอีกทางแล้วครับ นอกจากการขายข้าวที่ปลูก และพืชผักต่าง ๆ และจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้มีเพื่อนเกษตรใกล้เคียงให้ความสนใจเข้ามาศึกษา มาสอบถามอย่างต่อเนื่อง และทาง ส.ป.ก. ก็เห็นว่าผมมีความรู้ความชำนาญ จึงได้จัดตั้งให้เป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อนเกษตรกรที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินจากจังหวัดต่าง ๆ ก็เดินทางมาเรียนรู้กันตลอดครับ นอกจากหลักเทคนิคการเลี้ยงที่ต้องรู้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเน้นและให้กับทุกคน คือ การยึดการดำเนินชีวิตตามแนวหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้”
นายสมบูรณ์ กล่าวถึงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมว่า สามารถทำได้ในทุกพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย การที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ดูแล เรียนรู้เทคนิคทั้งเรื่องการดูแลต้นหม่อน เทคนิคการจัดการหนอนไหม เป็นต้น
 สำหรับต้นหม่อนที่ปลูกไว้เพื่อเป็นอาหารของไหมนั้น ควรเลือกสถานที่ปลูกที่เหมาะสม คือ อยู่ในพื้นที่มีสภาพดินร่วนซุย หน้าดินลึก มีการระบายน้ำดี สำหรับพันธุ์หม่อนที่ปลูก มีให้เลือกหลากหลายพันธุ์ แต่ที่นิยมปลูกกันมาก เช่น พันธุ์สกลนคร เป็นพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ในทุกสภาพพื้นที่ ให้ผลผลิตใบหม่อนเฉลี่ย 3,507 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปีพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ซึ่งให้ผลผลิตใบหม่อน เฉลี่ย 4,300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี
 “เทคนิคหนึ่งที่สำคัญในการปลูกหม่อนนั้นคือ ต้องมีการตัดแต่งกิ่งหม่อน เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิต และรักษาทรงพุ่มของต้นหม่อน วิธีการคือ ใช้กรรไกรหรือเลื่อยตัดแต่งให้เหลือลำต้นสูงจากพื้นที่ประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยในการตัดแต่งนั้นต้องระวังอย่าให้ต้นช้ำโดยเด็ดขาด หลังจากนั้นให้ทำการบำรุงต้นด้วยการใส่ปุ๋ยหมักผสมกับปุ๋ยคอก ปล่อยให้ต้นหม่อนเจริญเติบโตประมาณ 3 เดือน จะสามารถตัดใบมาเลี้ยงไหมได้ 
 ขณะที่การเลี้ยงตัวหนอนไหมนั้น ปราชญ์เกษตรแห่งศูนย์ต้นแบบในด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญคือ เรื่องของความสะอาดที่ต้องใส่ใจทุกขั้นตอน 
“เราต้องมีการเตรียมทำความสะอาดก่อนนำไหมเข้าเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นโรงเลี้ยงและอุปกรณ์ต่าง ๆที่ใช้ ต้องนำมาล้างและตากแดดให้แห้ง รวมถึงต้องพ่นยาฆ่าเชื้อ ส่วนไข่ไหมนั้นจะต้องซื้อจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้เท่านั้น ซึ่งสายพันธุ์ไหมที่เลี้ยงขึ้นอยู่กับการตกลงกับทางบริษัทว่า ทางบริษัทจะรับซื้อไหมแบบใด”
 ด้วยในการเลี้ยงไหมนั้น ช่วงระหว่างการเป็นหนอน ไหมจะกินอาหารตลอดเวลาดังนั้น แปลงปลูกหม่อน ควรต้องอยู่ใกล้กับโรงเรือนเพื่อให้สามารถตัดมาให้ไหมกินได้สะดวก โดยวันหนึ่งจะให้ใบหม่อนเป็นอาหารประมาณ 4 มื้อ ได้แก่ช่วงเวลา 06.00 น. 13.00 น. 16.00 น. และ 20.00 น. 
“การเลี้ยงไหมนั้นต้องให้การดูแลอย่างดี อย่างในช่วงเลี้ยงไหมวัยอ่อน ก็ต้องเน้นดูแลให้หนอนแข็งแรงและสมบูรณ์ ส่วนการเลี้ยงหนอนไหมวันแก่ จะต้องมีการจัดพื้นที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณไหม เพราะจะเป็นช่วงที่หนอนกำลังเจริญเติบโต อาหารต้องพอ พื้นที่ต้องเหมาะสม” นายสมบูรณ์กล่าว
หลังจากเข้าวัยที่ 5 หรือหนอนมีอายุ 5-6 วัน จะเริ่มเข้าสู่ช่วงการสร้างรังไหม โดยหนอนไหมจะพ่นเส้นใยทำรังอยู่นานประมาณ 2 วัน จากนั้นจะเข้าสู่ช่วงดักแด้ อีกประมาณ 2-3 วันดักแด้จะแข็งตัวมีผิวสีน้ำตาล แสดงว่า สามารถเก็บเกี่ยวรังไหมได้ โดยจะลอกรังไหมออกจากกระด้งเลี้ยง จากนั้นจะนำรังไหมมาคัดเลือก เพื่อให้มีลักษณะที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ไม่เป็นรังแฝด รังไม่มีลักษณะบาง รังเปื้อน รังยุบ รังที่มีลักษณะผิดปกติ เป็นต้น หากมีรังลักษณะดังกล่าวปนไป จะทำให้ถูกตัดราคารับซื้อได้
“การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมไม่ใช่เรื่องยาก แม้ไม่เคยทำก็สามารถมาเรียนรู้ได้ ที่ศูนย์ฯแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับทุกคน โดยจะใช้เวลาในการเรียนรู้เพียง 15 วันในทุกขั้นตอนการเลี้ยงการจัดการดูแล จากนั้นก็สามารถกลับไปปลูกหม่อนเลี้ยงไหมได้เลย ซึ่งหากสนใจขอเพียงให้เดินทางมา แล้วจะรู้ว่า ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนั้นเป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว” นายสมบูรณ์ กล่าวในที่สุด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ