Lifestyle

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กิจกรรม "ค่ายเด็กใฝ่ดี" เพื่อเป็นสะพานให้เด็กอายุ 8-12 ปี ที่อยู่ในช่วงวัยสำคัญของการเรียนรู้และสร้างรากฐานทักษะการใช้ชีวิต

     เพราะสังคมเมืองมีแต่ความเร่งรีบ ผู้คนยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง สังคมถูกล้อมด้วยป่าคอนกรีตและเทคโนโลยีต่างๆ แทรกซึมเข้ามาอยู่ในทุกกิจกรรมของคนทุกเพศทุกวัย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงเดินหน้าจัดกิจกรรม “ค่ายเด็กใฝ่ดี” ขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 6 ปี เพื่อเป็นสะพานให้เด็กอายุ 8-12 ปี ที่อยู่ในช่วงวัยสำคัญของการเรียนรู้และสร้างรากฐานทักษะการใช้ชีวิต โดยได้จัด “ค่ายเด็กใฝ่ดี” รุ่นที่ 16 และ 17 ณ โครงการพัฒนาดอยตุง จ.เชียงราย ในคอนเซ็ปต์ “สร้างความรัก จากความรู้ อยู่กับความงาม” ของธรรมชาติอย่างแท้จริงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อพาเด็กเมืองไปเรียนรู้ธรรมชาติอย่างใกล้ชิดบนดอย

    ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

น้องๆ ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

     ตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน บรรยากาศภายในค่ายเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เด็กๆ ได้ความรู้คู่ประสบการณ์ชีวิตผ่านกิจกรรม อาทิ เดินสำรวจธรรมชาติ ดูพันธุ์ไม้ป่า ศึกษาลำธาร และโลกของแมลง สัตว์ตัวเล็กที่รักษาสมดุลธรรมชาติ ส่องนก เล่นกีฬาชนเผ่า นอนเต็นท์ ตักบาตร ทดลองทำอาหาร และทำงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติ เป็นต้น โดยมีพี่เลี้ยงและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ด.ญ.นัทธมน-ชมพรรณ-ด.ช.นนทพัทธ์ กุลนิเทศ

    บรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เผยถึงความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลงของลูกๆ ตัวเองก่อนและหลังเข้าค่าย..ชมพรรณ กุลนิเทศ คุณแม่ของ ด.ช.นนทพัทธ์-ด.ญ.นัทธมน กุลนิเทศ กล่าวว่า ที่ตัดสินใจให้ลูกไปเข้าค่ายเด็กใฝ่ดีเพราะคิดว่าอยากให้ลูกมีความเข้าใจและได้ความรู้คู่กับความรักในธรรมชาติและมิตรภาพจากเพื่อนๆ และการดูแลของพี่ๆ ในค่าย หลังจากกลับมาลูกเล่าให้ฟังว่า ชอบที่ได้ฝึกทำหลายอย่างด้วยตัวเอง ได้อยู่กับธรรมชาติที่ปกติอยู่ในเมืองไม่มีโอกาสได้เห็นสักเท่าไหร่ การเข้าค่ายได้ไปจับหิน ดูใบไม้ ดูแมลงพันธุ์หายาก ที่ต้องเข้าไปดูในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะได้เห็น และเข้าใจมากกว่าคำบอกเล่าหรืออ่านจากตำรา ลูกยังแชร์ให้คนในครอบครัวฟังอีกว่า แมลงหายากที่มีอยู่เฉพาะในป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์มีชื่ออะไรบ้าง ถ้าเราไม่ได้เข้าป่าก็จะไม่มีทางได้เห็นและไม่รู้ว่าธรรมชาติของเราสมบูรณ์แค่ไหน และถ้าเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ พันธุ์ไม้ สัตว์ป่าก็จะสูญพันธุ์ในที่สุด

      ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ใจปลื้ม วงศ์เจริญ-ด.ช.วิธ อยู่วิทยา

     เช่นเดียวกับ ใจปลื้ม วงศ์เจริญ คุณแม่ของ ด.ช.วิธ อยู่วิทยา เผยถึงที่ตัดสินใจให้ลูกไปค่ายเด็กใฝ่ดี เพราะอยากให้ลูกได้ความรู้ที่ไม่ใช่จากในตำราหรือพ่อแม่บอกเล่าเพียงอย่างเดียว และเห็นว่าการเรียนรู้คู่ธรรมชาติบางทีผู้ปกครองก็ไม่สามารถสอนได้ การให้เขาได้ไปเจอของจริงและเรียนรู้ อยู่กับธรรมชาติและเพื่อนใหม่จะช่วยให้ลูกได้ฝึกฝนตัวเอง ทั้งวิธีคิดและความรู้ นอกจากนี้ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือ เขากล้าตัดสินใจในเรื่องพื้นฐานได้เองมากขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น อ่อนโยนขึ้น คือปกติน้องจะไปไหนมาไหนกับแม่ตลอด ยิ่งเขาเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง เวลาจะคิดหรือตัดสินใจอะไรก็จะมาปรึกษาแม่ หลังจากเข้าค่ายลูกมีความมั่นใจในการคิดเพิ่มขึ้นและใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่าการนั่งเล่นสื่อโซเชียลอยู่ที่บ้าน

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ด.ช.ปีย์ จินันท์เดช สนุกกับการเรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติ

     ด้าน ทศพล จินันท์เดช คุณพ่อของ ด.ช.ปีย์ จินันท์เดช เล่าว่าความตั้งใจในการไปเข้าค่ายของลูกในครั้งนี้ก็เพราะอยากให้เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความมั่นใจ เพราะในมุมของพ่อ ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งค่ายเด็กใฝ่ดีปลูกฝังให้เด็กๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ธรรมชาติให้อะไรกับเรา และเราสามารถใช้ประโยชน์อะไรจากธรรมชาติได้บ้าง การอยู่ร่วมกับผู้อื่นต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสังคมที่ไม่เคยรู้จักให้ได้ ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาลูกได้ลองทำเองในค่ายมาแล้ว และเขาก็มาแชร์ประสบการณ์ให้คนในบ้านฟัง รู้จักตั้งคำถาม ตอบคำถาม และกล้าแสดงออกมากขึ้น

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

ปลูกปัญญา"เด็กเมือง"ด้วยวิถีธรรมชาติบนดอยสูง

    ผู้ปกครองที่กำลังมองหากิจกรรมทางเลือกให้ลูกๆ ได้ฝึกพัฒนาการ สร้างรากฐานทางความคิดและจิตใจที่หาในเมืองใหญ่ไม่ได้ สามารถสมัครเข้าร่วมค่ายเด็กใฝ่ดีรุ่นที่ 18 รุ่นที่ 19 และรุ่นที่ 20 ในเดือนตุลาคมนี้ โดยกรอกใบสมัครออนไลน์ได้ที่ https://forms.gle/i7E3F6crTy8iqEfi7 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2252-7114 ต่อ 320 (ศูนย์พัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้), Facebook : Faidee Kids Camp ก่อน 30 กันยายนนี้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ