หนังสือที่เธอถือมา : เฟซบุ๊กส่วนตัว (๒) : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม
๑.
กว่าสองปีที่เข้าใช้เฟซบุ๊ก ทำให้แทบจะลืมบล็อกโอเคเนชั่น วันดีคืนดีจึงต้องหันไปถางหญ้าที่รกเรื้อบ้าง
แต่หนังสือยังอ่านอยู่ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ และหนังสือเล่ม...
หนังสือพิมพ์รายวัน เป็นอีกสื่อที่เหมือนอยู่กับวิถีชีวิต แม้ไม่ได้ซื้ออ่านทุกฉบับทุกหัว แต่ก็มีโอกาสได้อ่านเสมอ ไม่ว่าจะในร้านอาหาร ในบ้านคนอื่น ในบ้านตัวเอง
ตอนเล่าถึงข้อเขียนในเฟซบุ๊กตัวเองได้ไปลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนั้น ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ภายหลังการใช้เฟซบุ๊ก เหตุก็เพราะวิวาทะในเฟซบุ๊ก ที่มันเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมือง เข้าใจว่าไม่เพียงแต่หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่นำไปพูดถึงต่อ ผมไม่ได้ติดตามทุกฉบับ ขนาดในโลกออนไลน์ ข้อเขียนได้กลายไปเป็นหัวข้อข่าวมากมาย ก็ไม่มีกำลังที่จะไปเที่ยวไล่อ่านท่ามกลางฝุ่นควันคละคลุ้งนั้น อาศัยมีเพื่อนพี่น้องผู้หวังดีช่วยคัดลอกบางฉากบางตอนมากระซิบฝากทางกล่องข้อความบ้าง
สำหรับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ต้องยอมรับเป็นหนังสือพิมพ์ระดับบุคคลทั่วไป วางอยู่แทบจะทุกร้านอาหาร ถึงทุกห้องสมุดโรงเรียน เพียงชื่อและข้อเขียนไปปรากฏในพื้นที่ของคอลัมนิสต์มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ผมก็เหมือนพลอยมีชื่อเสียงเพิ่มไปด้วย หลายต่อหลายคนโทรศัพท์แจ้ง ให้กำลังใจ ไถ่ถาม แสดงความคิดเห็น โดยที่คนเหล่านั้นเขาไม่ได้รู้ที่มาที่ไปมาก่อนเลย เพราะพวกเขาไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก ส่วนคนที่เล่นเฟซบุ๊กนั้น ก็ส่งข้อความให้กำลังใจมากมาย ขอให้สู้และยืนหยัดในสิ่งที่ทำต่อไป
๒.
หลายครั้ง ผมเขียนสเตตัสและโพสต์สดๆ ตรงหน้า แต่จะคิดแล้วคิดอีก อ่านแล้วอ่านอีก ทบแล้วทวนอีก บางเรื่องราวสั้นๆ ใช้เวลาร่วมชั่วโมง
ไม่เคยคิดนึกมาก่อนว่าบางเรื่องราวจะข้ามพรมแดนจากเฟซบุ๊กไปลงหน้าหนังสือพิมพ์ ในรอบปีนี้ข้อเขียนของผมถูกหยิบยกไปเผยเผยแพร่ต่อในหลายหนังสือ ส่วนใหญ่ไม่ได้ขออนุญาต โดยอาจถือเป็นการอ้างอิงทางวิชาการอะไรก็ว่าไป
ถัดจากเรื่องบทกวี “เจ็ดล้านเจ็ด” ก็เป็นเรื่อง “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ที่มีผู้จะเสนอแก้ให้เป็น “รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด” ซึ่งตอนเขียนสเตตัส ผมแค่แว่วๆ ว่ามีผู้คิดเช่นนั้น ไม่ได้รู้จักใครที่ไหนที่เป็นผู้คิดดำเนินการ ผมก็ว่าไปตามประสบการณ์ความเข้าใจในสามัญสำนึกของตัวเอง ไม่มีบุคคลฝ่ายตรงข้ามอยู่ในใจ เพียงแค่วันเดียวที่เผยแพร่ออกไป ผมตกเป็นหัวข่าวทางสังคมออนไลน์อีกแล้ว โดยการนำไปประกบกับคู่กรณีที่หลากหลาย และเข้าใจว่าเรื่องนี้คงล้นจากโลกออนไลน์ไปถึงโลกหนังสือด้วย เพราะมีเสียงแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจมากมาย
ทั้งที่แต่เดิมเข้าใจ-การเล่น หรือใช้เฟซบุ๊ค ก็เป็นเรื่องอารมณ์รู้สึกนึกคิดส่วนตัวที่เผยแพร่บนพื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัว สำหรับแบ่งปันในหมู่เพื่อนจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงแล้ว เฟซบุ๊กส่วนตัวของไม่ใครก็ใคร ย่อมอาจตกเป็นข่าวได้ตามสถานการณ์
บางคนแค่คิดต่อสู้กับภาวะในใจเรื่องสาดกาแฟใส่ใคร แล้วนำมาเขียนลงเฟซบุ๊คส่วนตัว ยังกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปได้!
๓.
มีผู้สอบถามเข้ามาไม่น้อย ว่าด้วยวิธีการอยู่กับความขัดแย้งทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน...
ผมเองมิใช่ผุ้มีวิธีการที่ดีอะไรมากมาย ก็ใช้วิธีการธรรมดาตามสามัญสำนึก รู้จักตัดและต่อ ตัดสิ่งที่ควรตัด ต่อสิ่งที่ควรต่อ ตัดเรื่องร้ายแรง ต่อเรื่องดีๆ ไม่หน้าดำคร่ำเครียดไล่รบกับถ้อยคำใครไปทั่ว
facebook ยิ่งเขียนง่าย ยิ่งต้องยับยั้งชั่งใจ!
facebook ยิ่งคลิกง่าย ยิ่งต้องสำรวจระวัง!
facebook ยิ่งเสรี ยิ่งต้องคำนึงขอบเขต!
facebook ยิ่งส่วนตัว ยิ่งต้องสำนึกส่วนรวม!
----------------------
(หนังสือที่เธอถือมา : เฟซบุ๊กส่วนตัว (๒) : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง