ข่าว

นักกฎหมายควรเคารพกฎหมาย อย่าตะแบง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรณีการเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา

ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3464 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย.2562 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

 

นักกฎหมาย

ควรเคารพกฎหมาย อย่าตะแบง

 

                สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมและเรียบเรียงนำเสนอข่าวที่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง กรณีการเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่ก่อนที่นายธนาธร จะจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค โดยทั้ง 2 คนถือครองหุ้นรวมกันจำนวน 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาท

                บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ปรากฏวัตถุประสงค์ชัดเจนโดยมิต้องโต้แย้งว่า เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นเจ้าของนิตยสารสำคัญหลายฉบับ ซึ่งการดำเนินธุรกิจดังกล่าว และการเป็นผู้ถือหุ้นของนายธนาธร กรณีนี้ไม่มีใครสร้างเรื่อง หรือปั้นแต่งข้อเท็จจริงให้มาเกี่ยวข้องกับนายธนาธรได้ เป็นการประกอบธุรกิจของเขาเอง ก่อนจะเข้าสู่การเมือง

                ข้อเท็จจริงนี้ นายปิยบุตรแสงกนกกุล พึงได้ตระหนักมิอาจบิดเบือนได้

                ปัญหาของเรื่องอยู่ตรงนี้ครับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 98 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

                .....(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

                และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 ก็บัญญัติเช่นเดียวกันว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

                .....(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ...” ซึ่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบดังกล่าว ได้ประกาศให้มีผลบังคับใช้แล้ว ก่อนที่ นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตรแสงกนกกุล จะเข้าสู่การเมือง กฎหมายมีความชัดเจนว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯทุกคน จะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ มิได้ และนายธนาธรมีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ นี่คือประเด็นโดยตรงของเรื่องนี้

                เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงได้แถลงข่าวถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนที่ถือหุ้นธุรกิจในเครือซัมมิทมูลค่า 5 พันล้านบาท ว่าจะใช้แนวทาง Blind trust คือโอนทรัพย์สินไปให้ trust หรือกองทุน เป็นผู้ดูแล เพื่อคลายปมข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของตน

                ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 สื่อหลายสำนักได้รายงาน และเว็บไซต์ประชาไท (เผยแพร่ข่าวเมื่อ 19.53 น.) ว่า นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 จ.สกลนคร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 21 มีนาคม  2562 ว่า ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 สั่งให้ถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นเจ้าของสื่อ ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์เซอร์วิส รายละเอียดปรากฏตามคำพิพากษา ซึ่งนายภูเบศวร์ ก็เคารพและปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยมิได้โต้แย้ง

                วันที่ 21 มีนาคม 2562 วันเดียว กันกับที่ปรากฏข่าว กรณีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษาถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งดังกล่าว เมื่อเวลา 16.12 น. บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ยื่นจดทะเบียน ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 5 กรมพัฒนาธุรกิจ ขอส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นชุดใหม่ (บอจ.5) จำนวน 5 คน โดยระบุว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 โดยไม่ได้ระบุวันประชุมผู้ถือหุ้น และไม่มีรายชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และผู้ถือหุ้นอีก 3 คน ซึ่งเดิมมีจำนวน 10 คน และวันรุ่งขึ้น 22 มีนาคม 2562 นางสมพร ก็ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท (แบบ บอจ.1) เปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท แจ้งการลาออกจากกรรมการบริษัท ของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ โดยอ้างคำรับรองการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2562 วันที่ 19 มีนาคม 2562

                วันที่ 22 มีนาคม 2562 สำนักข่าวอิศราเผยแพร่รายงานว่า นายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ถือครองรวมกัน 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาท ไปให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาทั้งหมด

                   นี่คือรายงานข่าวเชิงสืบสวนโดยละเอียดของสำนักข่าวอิศรา ซึ่งหาอ่านได้ในเว็บไซต์ของสำนักข่าวดังกล่าว ที่อ้างข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานที่เชื่อถือได้ ผู้เขียน อนุญาตนำมาถ่ายทอดเฉพาะสาระสำคัญๆ

                กล่าวโดยสรุปคือ ขณะสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด เมื่อปรากฏข่าวและกรณีถูกร้องเรียนเรื่องขาดคุณสมบัติ จึงได้แถลงชี้แจงว่า ตนได้โอนหุ้นไปให้มารดาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนจะมาสมัครรับเลือกตั้ง ปัญหาว่าข้ออ้างนี้ รับฟังได้หรือไม่ การโอนหุ้นให้กันเองระหว่างแม่ลูก โดยมิได้จดทะเบียนต่อนายทะเบียนให้ปรากฏแก่บุคคลภายนอก จะอ้างให้ศาลหรือ กกต.รับฟังได้หรือไม่

                การพิจารณาปัญหานี้ นอกจากพิจารณาจากข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติแล้ว จำต้องมาพิจารณาปัญหาข้อกฎหมาย ประกอบกับแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 บัญญัติว่า “อันว่าหุ้นนั้นย่อมโอนกันได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมของบริษัท เว้นแต่เมื่อเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น ซึ่งมีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

                การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้นๆด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ อนึ่งตราสารอันนั้นต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันนั้นด้วย

                การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น” ตรงวรรคสามนี่แหละครับ ที่นายธนาธรและนายปิยบุตร ต้องแก้ให้ตก จึงไม่ควรแถไปพูดประเด็นอื่นหรือชี้แจงบิดประเด็นให้สังคมสับสน

                ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ จะมีผลยุติประการใด เป็นอำนาจพิจารณาของ กกต. และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งศาลฎีกาเคยมีแนววินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว ล่าสุดก็คือกรณีของ นายภูเบศวร์ เห็นหลอด คนของพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง เรื่องนี้เป็นปัญหาทางกฎหมาย ที่ทุกคนต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตาม ไม่มีใครสามารถมาสร้างเรื่องกลั่นแกล้งใครได้

                เมื่อนักการเมืองอาสาตนมาทำงานให้บ้านเมือง โดยมีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด วางกฎเกณฑ์และกติกาไว้อย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม คุณสมบัติของบุคคลผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต้องพิจารณาตามหลักกฎหมาย จะอาศัยคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้มาจะกี่ร้อยล้านเสียงก็ช่วยไม่ได้ครับ ผิดต้องว่าไปตามผิด ขาดคุณสมบัติก็สมัครไม่ได้

                ถ้าเป็นนักการเมืองตัวแทนประชาชน เมื่อเริ่มต้นก็คิดเลี่ยงกฎหมาย ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ตะแบงเอาสีข้างถู ย่อมบ่งบอกให้เห็นแล้วว่า บุคคลเช่นนั้นมิอาจเป็นนักการเมืองที่ดีของประชาชนและประเทศชาติได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ