ข่าว

ระวัง!! สวมสิทธิ์ปาล์มซ้ำรอยทุจริตจำนำข้าว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทุกข์ใดจะเท่าทุกข์ของชาวสวนปาล์มวันนี้ เมื่อราคาดำดิ่งไปอยู่ 1.80-2.00 บาทต่อกิโลกรัม

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐิจ วันที่ 20 เม.ย.2562 โดย... กระบี่เดี่ยวดาย

 

ระวัง!! สวมสิทธิ์ปาล์ม

ซ้ำรอยทุจริตจำนำข้าว

 

          ทุกข์ใดจะเท่าทุกข์ของชาวสวนปาล์มวันนี้ เมื่อราคาดำดิ่งไปอยู่ 1.80-2.00 บาทต่อกิโลกรัม จาก 3-4 ปีก่อน ที่แม้ราคาเลวร้ายสุดแล้ว ยังขายได้ในราว 2.80-3 บาทต่อกิโลกรัม

          ปัญหาใหญ่ของราคาปาล์มเป็นที่ทราบกันดีว่าเราผลิตล้น ทั้งกินและใช้เป็นพลังงานแล้วยังมีสต็อกเกินอยู่และคุณภาพการผลิต ต้นทุนการผลิตต่อไร่ เราไม่สามารถสู้กับคู่แข่งชาติที่ปลูกปาล์มด้วยกันอย่างมาเลเซียได้ จึงไม่สามารถส่งออกได้ ประกอบกับตลาดต่างประเทศอย่างสหภาพยุโรปใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีตั้งด่านสกัดนำเข้าปาล์มจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียด้วยข้ออ้างบุกรุกเผาป่าเพื่อทำไร่ปาล์ม และอนาคตอันสั้นจะกำหนดมาตรฐานบริโภคน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นการกีดกันการนำเข้านั้นเอง

          ประเด็นเหล่านี้ทั้งภายใน ภายนอก ส่งผลให้สต็อกปาล์มในอาเซียนล้นทะลัก ทำให้แต่ละประเทศดั๊มราคาและผ่องถ่ายดั๊มตลาดเข้าสู่ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงกัน นำไปสู่ปัญหา แม้สต็อกในไทยเองก็ล้น แต่ยังมีการลอบนำเข้า กระทั่งมียอดแสดงนำเข้าโดยเปิดเผย เป็นประเด็นที่เกษตรกรตั้งคำถามและมีข้อกังขาต่อประสิทธิภาพการทำงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

          “สต็อกภายในล้นอยู่แล้วยังปล่อยให้มีการนำเข้าได้อย่างไร แน่นอนเราไม่สามารถปิดตลาดตามข้อผูกพัน แต่มีระบบโควต้านำเข้าในการจัดการนำเข้า ภาษีนอกโควต้าสูงลิ่ว ไม่คุ้มเมื่อมาคิดเป็นต้นทุนเทียบกับราคาภายใน แล้วไฉนยังมียอดการนำเข้าช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้นำเข้านํ้ามันปาล์มมา 1.48 หมื่นตัน ทั้งที่ราคาปาล์มในประเทศยังตกต่ำ การกระทำเช่นนี้เสมือนไม่แก้ปัญหาแล้วยังเหยียบซ้ำชาวสวนปาล์ม”

          ไปตรวจสอบสต็อกปาล์มล่าสุดตัวเลขสต็อกสิ้นก.พ.62 อยู่ที่3.79 แสนตัน สิ้นเดือนมี.ค.ลดลงเล็กน้อยแค่ 2.93 % ไปอยู่ที่ 3.68 แสนตันเฉพาะน้ำมันปาล์มดิบ ยังไม่รวมปาล์มบริสุทธ์ กึ่งบริสุทธ์ อีกประมาณ 6-7 หมื่นตัน แต่รวมกันแล้วเกินจากระดับสต็อกที่เหมาะสมซึ่งควรอยู่ที่แสนตันเศษๆเท่านั้น

          ไปดูการแก้ปัญหาของรัฐ ใช้วิธีจ่ายชดเชยช่วยปัจจัยการผลิตตามการขึ้นทะเบียนและมีสมุดเล่มเขียวเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม 1,500 บาทต่อไร่ไม่เกิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน ช่วยเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนที่แสนสาหัสลงได้บ้าง

          รัฐยังออกมาตรการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 1.6 แสนตันไปเผาผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงซื้อในราคา 34-36บาทต่อลิตร มีเงื่อนไขให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรราคา 3.20บาทต่อกก.

          แต่สถานการณ์จริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ขายไม่เคยได้ราคาใกล้เคียง3.20 บาทต่อกก.แต่อย่างใด เกษตรกรหลายรายบ่นเป็นเสียงเดียวกัน โดยบอกว่าโครงการ​นี้เริ่ม 2 ก.พ 62 ตัดปาล์มขายที่ลานเทได้แค่ 2.90​ บาทใช้อ้างอิงสมุดเล่มเขียว หลังจากนั้นต้นเดือนมี.ค.ตัดปาล์มอีกรอบขายตามสมุดเล่มเขียวอีกได้ 2.10บาทต่อกก. และตัดอีกรอบปลายเดือนมี.ค.ขายได้ 2.2บาทต่อกก.ก่อนที่ถูกสั่งเบรกขายตามสมุดเล่มเขียวเพราะถูกอ้างว่าใช้โควต้าเต็มไปแล้วต้องขายราคาตลาดปกติที่ 1.80-1.90บาทต่อกก.(โควต้า​300​กก./ไร่/เดือน)

          “ปัจจุบันเกษตรกรขายปาล์มได้เพียง​ กก.ละ​ 1.80​ บาท​ ทั้งที่ลานรับซื้อเก็บหลักฐานการมีสวนปาล์มจากเกษตรกรไปแล้วและบอกว่าจะให้โควต้าเดือนละ​ 300​ กก.ต่อไร่​ ในราคาโลละ​ 3.20​ บาท​ หักค่าขนย้าย​ กก.ละ​ 0.40 บาท​ เหลือถึงเกษตรกรขายได้โลละ​ 2.80​ บาท​ จนถึงสิ้นสุดโครงการคือเดือน​ กค.2562​ แต่เกษตรกรได้ขายในราคา​ กก.ละ​ 2.80​ บาทเพียงครั้งเดียว​ หลังจากนั้นลานบอกว่ากำลังปรับบัญชีใหม่​ จึงซื้อในราคาโลละ​ 1.80​ บาทไปก่อน จึงสงสัย​ว่ามีลานเทหรือ​ โรงงานไหนที่เอาสิทธิ์เกษตรกรไปขายกับ​กฟผ.เองในราคา​ กก.ละ​ 3.20​ บาท”

          โครงการยังมีจุดอ่อนช่องว่างหลายประการ โดยเฉพาะการสวมสิทธิโควต้าเกษตรกร นอกจากถูกแจ้งเต็มโควต้าเร็วเกินเหตุแล้ว โดยการประกาศให้ใช้สำเนาบัตรปชช.แนบแทนสมุดเล่มเขียว ทำให้เพิ่มขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารใบเสร็จรับเงินการซื้อ-ขายปาล์ม การตรวจสอบจึงตกๆหล่นๆทำให้สวมสิทธิ เวียนสิทธิง่ายขึ้น “เตะหมูเข้าปากหมา กรอบอร่อยทั้งโรงสกัดและลานเท”

          เกษตรกรบางรายบอกโครงการเปิดช่องโหว่ให้เบียดบังผลประโยชน์เกษตรกรง่ายมากๆ โดยเอกสารที่โรงงานแจ้งปริมาณปาล์มที่ซื้อในราคา 3.20 ต่อหน่วยงานรัฐ แค่ใช้ใบเสร็จรับเงิน สำเนาบัตรปชช.ที่สำคัญข้อมูลในใบเสร็จรับเงิน เสมียนโรงงานหรือลานเท​ เป็นผู้เขียนข้อมูลเองทั้งหมด​ ยกตัวอย่าง ชาวสวน​มีพื้นที่ปลูก 30 ไร่หากให้ขาย 300กก.ต่อไร่ต่อเดือนอยู่ที่ 9 ตัน แต่ตัดขายแค่ 5 ตัน แต่ลานเทหรือโรงงานเขียนลงในใบเสร็จซื้อ 9 ตันราคา 3.20 ต่อกก.เพื่อส่งให้รัฐ แต่ซื้อจริงอาจซื้อ 2 บาทต่อกก.โดยลานเทและส่งไปที่โรงงานจะเป็น 2.40 ต่อกก. ไปลบออกจากราคารัฐตั้งซื้อ 3.20 บาทต่อกก.ก็มีส่วนต่างกันเป็นทอดๆ

          แต่เมื่อโควต้าเต็มก็ทำให้ราคารับซื้อหน้าลานเท ยิ่งรูดต่ำลงไปกลายเป็นตลาด 2 ราคา ระหว่างในโครงการกับนอกโครงการ ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกบริหารให้เกิดตลาด 2 ราคา กระทรวงพาณิชย์น่าจะรู้เรื่องนี้ดี

          เขียนมาถึงตรงนี้ไพล่ให้คิดไปถึงว่าโครงการช่างละม้ายคล้ายเหมือน โครงการรับจำนำข้าวอื้อฉาว ที่เปิดช่องว่างในการสวมสิทธิและร่ำรวยอื้อซ่าของโรงสีและเซอร์เวเยอส์ผู้ฉ้อฉล

          ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพึงระวังโครงการจำนำข้าวก่อให้เกิดทุจริตทุกหย่อมหญ้าอย่างมโหฬาร ติดคุกติดตะรางชดใช้กรรมกันไปบ้างแล้ว อย่าปล่อยให้เกิดซ้ำกับโครงการปาล์ม อย่าช่วยใครเบียดบังประโยชน์ชาวสาวปาล์มที่ทุกข์ระทมมามากแล้ว !!

          (พื้นที่หมดพอดีมาว่ากันต่อรอบหน้า เมื่อชาวสวนปาล์มสุดทน...)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ