ประชาสัมพันธ์

"สุชาติ"โชว์ผลงานปี 63 สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจกว่า 2.5หมื่นล้าน 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สุชาติ"โชว์ผลงานปี 63 สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจกว่า 2.5หมื่นล้าน 

13 มกราคม 2564  นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยหยุดชะงักชั่วคราว การฟื้นตัวต้องค่อยเป็นค่อยไป รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มาตรการดูแลภาคครัวเรือน ด้วยการจ้างงาน เพื่อให้คนไทยมีรายได้ มีความเชื่อมั่น มีกำลังในการใช้จ่ายจนเกิดการหมุนเวียนรายได้ในระดับชุมชนถึงระดับประเทศอย่างเป็นลูกโซ่ ซึ่งกระทรวงแรงงาน ใช้มาตรการที่ตรงจุด ทันการณ์ รวมทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการว่างงานมาโดยตลอด

"สุชาติ"โชว์ผลงานปี 63 สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจกว่า 2.5หมื่นล้าน 

 


นายสุชาติฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการไทยมีงานทำ JOB EXPO THAILAND บรรจุงานแล้ว 91,772 คน สร้างรายได้รวม 3,441,450,000 บาท โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน (Co-Payment)​ บรรจุงานแล้ว 6,335 คน สร้างรายได้รวม 258,309,870 บาท โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่ง จำนวน 129,154,935 บาท จ้างงานต่างประเทศ บรรจุงานแล้ว 44,841 คน สร้างรายได้รวม 8,968,200,000 บาท และการจ้างงานโดยภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ บรรจุงานแล้ว 411,186 คน สร้างรายได้รวม 12,335,580,000 บาท รวมก่อเกิดรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 25,003,539,870 บาท (เดือนตุลาคม – เดือนธันวาคม 2563)


ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) ได้มีการปรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการใหม่เพื่อให้นักศึกษาจบใหม่ และนายจ้าง/สถานประกอบการ ได้รับประโยชน์สูงสุดและเสมอภาคกัน และเกิดการบรรจุงานโดยเร็วที่สุด ดังนี้


1.คุณสมบัติผู้จบการศึกษาใหม่ มีสัญชาติไทย และอายุไม่เกิน 25 ปี หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษา ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป โดยผู้จบการศึกษาใหม่ที่เคยทำงานและอยู่ในระบบประกันสังคม หากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว สามารถร่วมโครงการฯได้ 


2.เงื่อนไขสำหรับนายจ้างในการจ่ายค่าจ้าง ให้เป็นไปตามข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินเดือนค่าจ้างไม่เกินร้อยละ 50 ต่อคนต่อเดือน ตามค่าจ้างจริง ทั้งนี้ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ไม่เกิน 5,750 บาท ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ไม่เกิน 4,700 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ไม่เกิน 4,345 บาท

 

"สุชาติ"โชว์ผลงานปี 63 สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจกว่า 2.5หมื่นล้าน 

 

 

3. ปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ลูกจ้าง 
โดยการจ่ายเงินอุดหนุนจากรัฐ 3 ครั้งต่อเดือน เพื่อให้สอดคล้องกับรอบการจ่ายเงินค่าจ้างของนายจ้าง/สถานประกอบการ ดังนี้ 
1.) นายจ้างจ่ายค่าจ้างภายในสิ้นเดือน รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป 
2.) นายจ้างจ่ายค่าจ้างหลังสิ้นเดือน (ภายในวันที่ 1-5 ของเดือนถัดไป) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป 
3.) นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกำหนด ตามข้อ 1) และข้อ 2) แต่การจัดทำเอกสาร หรือข้อมูลในระบบไม่สมบูรณ์ รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 
กรณี หลังจากวันที่ 15 หากพบว่า รัฐจ่ายเงินอุดหนุนไม่ครบถ้วนให้สามารถจ่ายเพิ่มเติมได้จนกว่าจะครบตามจำนวนลูกจ้างผู้มีสิทธิ ทั้งนี้ การปรับปรุงการจ่ายเงินอุดหนุนให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ
 

4.ปรับระยะเวลาการดำเนินโครงการ ให้ขยายระยะเวลาร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าจ้างแก่ลูกจ้างเป็นระยะเวลา ไม่เกิน12 เดือน ต่อ 1 คน ตลอดระยะเวลาการจ้าง 1 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 พฤศจิกายน 2564) กรณีจ้างหลังวันที่ 1 มกราคม 2564 จะได้รับการอุดหนุนตามระยะเวลาที่จ้างแต่ไม่เกินวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564


สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่และนายจ้างที่ร่วมโครงการแล้ว และมีสัญญาจ้างถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 หากการอุดหนุนค่าจ้างตามโครงการยังไม่ครบ 12 เดือน สามารถแจ้งความต้องการขยายระยะเวลาการจ้างงานได้ถึงวันสิ้นสุดโครงการ สูงสุดไม่เกินรายละ 12 เดือน


ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.จ้างงานเด็กจบใหม่.com และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการตรวจสอบความคืบหน้าการอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัด ที่ระบุเป็นสถานที่ทำงาน หรือผู้ที่เข้าร่วมโครงการแล้วต้องการความช่วยเหลือเรื่องการรับ-จ่ายเงินค่าจ้าง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ