ข่าว

กองทัพเรือ เปิดเบื้องหลัง กัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ยัน ไม่ได้ข่มขู่

กองทัพเรือ เปิดเบื้องหลัง กัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ยัน ไม่ได้ข่มขู่

21 ธ.ค. 2568

กองทัพเรือ เปิดเบื้องหลัง กัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ยัน ไม่ได้ข่มขู่ หรือเจรจา ย้ำ ยึดแนวทางสันติและกลไกความร่วมมือชายแดน

21 ธ.ค. 2568 พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ขอชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชน กรณีมีการอ้างว่ากองทัพเรือได้ยื่นข้อเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ชายแดนทางทะเลบริเวณหลักเขตที่ 73 นั้น 

สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ ขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กองทัพเรือ มิได้มีการ " ข่มขู่ หรือเจรจา อย่างใด" แต่ในระยะเวลาก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะตามแนวชายแดน ทร.ได้มีการเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

กองทัพเรือได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และแสดงความกังวลต่อการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งได้มีการยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวล ขอให้มีการระงับการดำเนินการและพิจารณาผลกระทบในประเด็นดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน

กองทัพเรือ เปิดเบื้องหลัง กัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ยัน ไม่ได้ข่มขู่

ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล การเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง ตลอดจนประเด็นด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนทางทะเล การแสดงความกังวลดังกล่าว กองทัพเรือได้ดำเนินการผ่าน กลไกความร่วมมือด้านชายแดนที่มีอยู่ตามกรอบทวิภาคี โดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) มาโดยตลอด ซึ่งฝ่ายกัมพูชารับทราบถึงท่าทีและความห่วงกังวลของฝ่ายไทยในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

สำหรับกรณีที่มีรายงานว่า เอกชนเจ้าของเขื่อนกันคลื่นได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วยตนเอง นั้น กองทัพเรือเห็นว่า เป็นความประสงค์และการตัดสินใจของเอกชนฝ่ายกัมพูชาเอง ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นความกังวลที่ฝ่ายไทยได้แสดงมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว มิได้เกิดจากคำสั่ง การข่มขู่ หรือข้อเรียกร้องใด ๆ จากกองทัพเรือ 

และคาดว่าภายหลังจากที่ฝ่ายไทยได้ เข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ที่ถูกล่วงล้ำตามแนวชายแดนทางบกและทางทะเลจนสามารถควบคุมสถานการณ์และดำเนินการได้เรียบร้อย ส่งผลให้การบริหารจัดการพื้นที่เป็นไปด้วยความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการแก้ไขประเด็นค้างคาในพื้นที่ด้วยแนวทางที่เหมาะสมและสันติ

กองทัพเรือ ยังคงยึดมั่นในการใช้ กลไกการเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อบริหารจัดการประเด็นชายแดนทางทะเลอย่างรอบคอบ สันติ และเคารพซึ่งกันและกัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนพลเรือนของทั้งสองฝ่ายตามหลักมนุษยธรรม พร้อมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศในระยะยาว