
“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ “รองนายกฯ - ผู้ว่า กกท.” จัดซีเกมส์
“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ “รองนายกฯ - ผู้ว่า กกท.” จัดซีเกมส์ครั้งที่ 33 ส่อทุจริตหรือไม่ หลังพบพิรุธเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.68 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เปิดเผยว่าได้ยื่นคำร้องต่อคุณะกรรมการ ป.ป.ช. ณ สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิดผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลการจัดงานมหกรรมกีฬาชีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในประเทศไทย หลังพบพิรุธเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย และการจัดพิธีเปิดผิดพลาดล้มเหลว และการจัดการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ไม่เป็นมืออาชีพ ทั้งๆ ที่ใช้งบแผ่นดินหลายพันล้านบาทก็ตาม
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยมีพิธีเปิดไปเมื่อค่ำวันที่ 9 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเพราะมีความผิดพลาดล้มเหลวในพิธีการหลายประการ ซึ่งเมื่อตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้เอกชนมารับจ้างเป็นผู้ดำเนินการจัดฯ ปรากฎว่าอาจไม่เป็นไปตาม พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานพัสดุภาครัฐ 2560 ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 หลายประการ อาทิ การจัดทำ TOR การประกาศราคากลาง การประกาศเชิญชวนให้เอกชนมาร่วมแข่งขันราคา และการประกาศผู้ชนะการประกวดราคา โดยไม่รอระยะเวลาของการอุทธรณ์ใดๆ มีการเร่งรีบในขั้นตอน ระยะเวลาอันสั้น ไม่เป็นไปตามระเบียบฯที่กำหนด อีกทั้งอาจมีการนัดแนะกับเอกชนผู้ชนะงานล่วงหน้า โดยบริษัทเอกชนผู้ชนะได้ไปเตรียมงานในการจัดงานพิธีเปิดที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก ก่อนล่วงหน้าก่อนประกาศให้เป็นผู้ชนะ ซึ่งเป็นข้อพิรุธว่าเป็นการเอื้อประโยชน์กันและกันของ กกท.หรือไม่
การดำเนินการที่เร่งรีบของ กกท. ทั้งๆ ที่รู้ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปี 2023 จากประเทศกัมพูชาแล้วว่าประเทศไทยได้รับไม้ต่อมาเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาดังกล่าว แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรี ที่มารับผิดชอบและกำกับดูแล ก็มิใช่เหตุผลหรือสาระที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการรวบรัดขั้นตอนหรือกระบวนการจัดเตรียมงาน โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างการดำเนินงานต่างๆ ในแต่ละประเภทกีฬาเพื่อให้เป็นสากล และให้สมเกียรติเป็นหน้าเป็นตาของประเทศชาติได้ แต่ทว่ารูปธรรมที่เกิดขึ้นกลับมีแต่เรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์โลโก้ของบริษัทเอกชนผู้สนับสนุน และการประชาสัมพันธ์หน้าตาของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบและกำกับดูแล จนเกิดความผิดพลาดล้มเหลวในการจัดสถานที่ พัสดุในการเตรียมงานในหลายประเภทชนิดกีฬา ถูกสื่อในประเทศอาเซียนนำไปครหาและวิพากษ์วิจารณ์มากมายจนเป็นที่อับอายไปทั่วอาเซียน
ด้วยเหตุดังกล่าว องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนเพื่อชี้เบาะแสให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและชี้มูลความผิดว่าการจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตามเบาะแสและพยานหลักฐานหรือไม่ หากพบว่าเป็นไปตามคำร้องให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ให้ถึงที่สุดต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด



