ข่าว

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่งถูกตรวจยึด ทหาร KNU ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่งถูกตรวจยึด ทหาร KNU ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์

19 ธ.ค. 2568

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่ง ถูกกรมอุทยานฯ ตรวจยึด "ทหาร KNU" ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์ นำมาให้มูลนิธิฯ ดูแลต่อ ไม่ใช่ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ

จากกรณี "นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" คณะทำงานชุดเฉพาะกิจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม (ฉก.ทส.) ออกมาโพสต์ข้อความถึงเหตุลักลอบนำเข้าเสือโคร่ง เพศเมีย อายุ 1 ปี ข้ามจากฝั่งเมียนมา ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คณะเจ้าหน้าที่ร่วมเหตุการณ์ อธิบดีกรมอุทยานฯ และ เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ มีการตรวจยึดพบการกระทำผิด และผู้ร่วมการกระทำผิด ได้แบบชัดเจน แต่ส่งรายงานคดี เป็นกระดาษเปล่า? ป่าจะเป็นยังไง ถ้าคนปกป้องยังเป็นกันแบบนี้ งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

 

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่งถูกตรวจยึด ทหาร KNU ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์


ต่อมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก​ นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เกี่ยวกับการรับมอบเสือโคร่งเพศเมีย ที่ถูกตรวจพบภายในฐานปฏิบัติการของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ ในพื้นที่ชายแดนประเทศเมียนมา 

ทั้งนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเสือโคร่งตัวนี้เป็นอย่างมาก กำชับให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการให้ยกระดับความเข้มงวดตามแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบค้าสัตว์ป่าที่อาจแฝงมากับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศ จึงได้สั่งการให้สัตวแพทย์เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจพิสูจน์ทางพันธุกรรม (DNA) อย่างละเอียด เพื่อระบุสายพันธุ์และที่มาว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติรายใหญ่หรือไม่

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.35 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. 2568​ ทหารเคเอ็นยู (KNU) ได้นำลูกเสือโคร่งที่ตรวจยึดได้ระหว่างภารกิจปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ ในฝั่งประเทศเมียนมา มาส่งมอบ ณ จุดตรวจ​ ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (หกพันไร่) อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี​ เพื่อส่งมอบให้มูลนิธิแห่งหนึ่ง​ จึงได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานการครอบครอง นำเข้า หรือส่งออกที่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึด โดยมีความผิด​ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562​ ฐานครอบครองและนำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ฐานนำเข้าสัตว์ป่าโดยไม่ผ่านการตรวจโรค​ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ฐานนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิผ่านพิธีการศุลกากร ​โดยหัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าสังขละบุรีได้ดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เรียบร้อยแล้ว

นายราชันย์ บัวตรี ผอ.สบอ.3 เปิดเผยว่า​ คณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งภาพถ่าย พยานบุคคล และพฤติการณ์ในที่เกิดเหตุ เพื่อจัดทำบันทึกกล่าวโทษและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ลักลอบนำเข้าจากฝั่งพม่า หรือบุคคลในมูลนิธิที่ทำหน้าที่ประสานงาน

โดยความผิดที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย​ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 (ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต) และมาตรา 23 (นำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต) พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 (นำเข้าสัตว์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต) และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242 (นำของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร)

​ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนและมีองค์กรการกุศลเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุด เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

สำหรับเสือโคร่งหลังเจ้าหน้าที่รับมอบตามบันทึกประจำวันสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ปจว.ข้อ 5 เวลา 21.00 น. ลงวันที่ 17 ธ.ค. 68 ส่งมอบศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าเป็นลูกเสือโคร่งเพศเมีย อายุประมาณ 4 เดือน น้ำหนัก 29 กิโลกรัม การตรวจสุขภาพภายนอก พบว่าเสือโคร่งมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง สนใจสิ่งแวดล้อม มีความอยากอาหารตามปกติ จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างขนบริเวณลำตัว เพื่อส่งตรวจหาชนิดย่อยของเสือโคร่ง ไปยังศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการตรวจ 30-45 วัน​ จากนี้ประมาณ 3-5 วัน เมื่อเสือโคร่งมีความเครียดลดลง สัตวแพทย์จะเข้าทำการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งตรวจโรคทางห้องปฏิบัติการต่อไป

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่งถูกตรวจยึด ทหาร KNU ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์
 

 

 

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ออกแถลงการณ์ กรณีลูกเสือโคร่ง กับกลุ่มสแกมเมอร์ในเมียนมา

 


ด้าน "มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ในวันที่ 17 ธ.ค. 2568 กรณีลูกเสือโคร่ง กับกลุ่มสแกมเมอร์ในเมียนมา ดังนี้


มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ได้รับการร้องขอจาก NGO ต่างชาติ ที่ทำงานด้านสัตว์ป่า เพื่อให้การช่วยเหลือลูกเสือที่อาจได้รับบาดเจ็บ หรือปัญหาด้านสุขภาพ บริเวณริมชายแดนไทย และเมียนมา ฝั่งราชอาณาจักรไทย ในเขตอําเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 


มูลนิธิฯ เห็นว่า เป็นภารกิจเกี่ยวกับชีวิต และสุขภาพ สัตว์ป่าเป็นสําคัญเร่งด่วน จึงได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ อําเภอสังขละบุรี ตามที่ได้รับการประสาน ในวันที่ 17 ธ.ค. 2568 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือสัตว์ป่า และรถพยาบาลสัตว์ป่า ได้เดินทางตามพิกัดที่ได้ ประสานกัน 


ณ จุดนั้น มีเจ้าหน้าที่ทหารประจําการอยู่ และยังไม่พบเสือตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริงต่างๆ และ แสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าช่วยเหลือสัตว์ป่า จากนั้นประมาณ 30 นาที จึงได้เห็นการเคลื่อนย้ายเสือดังกล่าว มาส่งให้ ณ สถานที่นั้น สอบถามทหาร ประจําจุด ได้ความว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของกองกําลังฝั่งเมียนมา 

เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงทําการตรวจสอบเสือเป็นการเบื้องต้น ไม่พบความเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ รุนแรงเร่งด่วนตามที่ได้รับแจ้งจึงได้แจ้งให้ผู้ที่มาได้รับทราบ แต่ผู้ที่นําเสือมาได้แจ้งความประสงค์ให้ช่วยเหลือรับเสือไว้ดูแลต่อ โดยขอให้เห็นแก่สัตว์ป่า โดยผู้นํามา ได้แจ้งว่าตน เป็นสมาชิกของกองกําลังติดอาวุธฝั่งพม่า (KNU) ได้ให้การช่วยเหลือเสือ มาจากการบุกจับกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีน ในเขตเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อําเภอแม่สอด จังหวัดตาก


นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้ มีเสืออีก 1 ตัว แต่คาดว่า น่าจะโดนกลุ่มสแกมเมอร์ บริโภคไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ และผู้นํามาไม่มีความสามารถให้การดูแลเสืออีกต่อไปได้ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าเสือดังกล่าวไม่มี เอกสาร หรือใบอนุญาตใดๆ จึงได้ปฏิเสธ ไม่รับไว้ แต่ผู้นํามาได้เดินทางกลับไป ปล่อยเสือนี้ทิ้งไว้ ให้อยู่ในกรงที่ใส่มา


เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดประสานงานชายแดนเฉพาะกิจลาดหญ้า เพื่อเข้าตรวจสอบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนปกติ โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ยังคงรออยู่ ณ จุดนั้น ให้การดูแลเสือ และรอให้ข้อมูล จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับแจ้ง จึงเข้าตรวจและดําเนินการตามขั้นตอนปกติต่อไป


ปัจจุบันกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทําการยึดลูกเสือ เพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี ไว้เป็นหลักฐาน และนําไปดูแลที่ศูนย์ ช่วยเหลือสัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ต่อไป

จากคําบอกกล่าวของผู้นํามา คาดว่ากลุ่มสแกมเมอร์น่าจะซื้อ หรือส่งไปจากประเทศไทย ซึ่งมูลนิธิฯ หวังว่าจะได้มีการหาข้อมูล DNA ของ ลูกเสือตัวนี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการหาแหล่งที่มาของเสือ เพื่อการดําเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ในกรณีหากเป็นการค้าสัตว์ป่าต่อไป

มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ขอแสดงความขอบคุณทุกหน่วยงานที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และดําเนินการไปตามอํานาจหน้าที่ด้วยความจริงใจ ทั้งชุด ประสานงานชายแดนเฉพาะกิจลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ทหารจุดตรวจหกพันไร่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 

"มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" ชี้แจง ลูกเสือโคร่งถูกตรวจยึด ทหาร KNU ช่วยมาจากฐานสแกมเมอร์