ข่าว

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

ไม่จบ! ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

18 ธ.ค. 2568

นายอำเภอวังเหนือรุดหย่าศึก "ตา-ยาย" ปะทะ "ผู้นำชุมชน" ปมตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

นายอำเภอวังเหนือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อหาต้นตอสาเหตุและร่วมแก้ปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้าน หลังเกิดดรามา ครอบครัว2ตายายตัดไม้1ต้นถูกแจ้งจับปรับแสน ไม่จบมีการแจ้งจับ2 ตายาย ตาม พรบ.ป่าไม้ เรื่องการปิดกั้นแผ้วถางป่าสงวน ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกับพื้นที่ ที่ ยังไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ คทช. หลังเกิดข้อพิพาทกับผู้นำหมู่บ้าน 

 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

 

หลังจากมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับครอบครัวของสองตายาย ในพื้นที่ตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ที่เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวและนำลงดูพื้นที่ หลังคุณตาถนอม อายุ 68 ปี ตัดหน่อสัก 1 ต้น ซึ่งครอยครัวมั่นใจว่าอยู่ในพื้นที่ของตนเองที่ได้รับการรับรองให้ทำกินมาตั้งแต่ปี 2506 จนถูกผู้นำหมู่บ้านเรียกปรับ 5,000 บาท เนื่องจากผู้นำหมู่บ้านและกรรมการฯ ระบุว่าตัดไม้ใน นสล. แต่สุดท้ายปรากฏว่าไม่อยู่ในพื้นที่ นสล. ต้องคืนเงิน และต่อมามีการร้อง จนท.ป่าไม้ให้เข้าจับกุมตัวและส่งฟ้องศาล ศาลพิพากษาจับคุก2ปี ให้รอลงอาญา ปรับเงิน1แสนบาท แต่ด้วยครอบครัวยากจนไม่มีเงินค่าปรับ ศาลจึงให้ทำกิจกรรมบริการสังคม 400 ชั่วโมงแทนค่าปรับ และต่อมาได้มีการร้องเรียนกันไปมาระหว่างครอบครัวของสองตายายและผู้ใหญ่บ้าน และสุดท้ายมีการร้อง จนท.ป่าไม้ให้ดำเนินคดีในข้อหาครอบครองและแผ้วถางพื้นที่ป่า จนมีการแจ้งความดำเนินคดีซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการ และเรื่องดังกล่าวในหมู่บ้านเริ่มบานปลาย หาจุดจบของปัญหาไม่ได้

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

ที่ห้องประชุมอำเภอวังเหนือ นายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ ได้เชิญส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย  ผอ.ทสจ.ลำปาง  ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้3ลำปาง  หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.9(ขุนวัง) จนท.สนง.ปชส.ลำปาง  ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง  ครอบครัว ตาถนอม ยายคำน้อย และลูกสาว (ในส่วนของผู้ร้องทุกข์)  นายจำลอง อดีตผู้ใหญ่บ้านทุ่งฮี คณะกรรมการหมู่บ้านทุ่งอี ม.1 สสอ.วังเหนือ ผอ.รร.บ้านทุ่งฮี และ ผู้สื่อข่าว เข้าร่วมประชุมเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและต้นตอของปัญหา และ เพื่อเป็นการอำนวยความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่ายและแสวงหาทางออกของการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งใช้เวลาในการพูดคุย กว่า 3 ชั่วโมง โดยนายทศพล นายอำเภอวังเหนือ ได้ให้ฝ่ายของครอบครัวตาถนอม ได้เล่าถึงปัญหาเริ่มต้น โดยนำประเด็นที่เป็นข่าวมาให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันให้ข้อมูล รวมๆ 4  ประเด็น ได้แก่ ประเด็นการถูกปรับค่าตัดต้นไม้ 5,000 บาท สุดท้ายศาลสั่งคืนเพราะไม่มีอำนาจ , ประเด็นการถูกกลั่นแกล้งกดดันให้ถูกปลดจาก อสม. , ประเด็นลูกต้องย้าย รร. และ ประเด็นคดีที่ถูกฟ้องล่าสุด

 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

ประเด็นผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน เรียกปรับเงิน 5,000 บาท เกิดจากธรรมนูญของหมู่บ้าน ซึ่งนายจำลอง (อดีต)ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้าน ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านทราบและอดีตผู้ใหญ่บ้าน คนก่อนๆก็ปฎิบัติกันมาแบบนี้ ตนเองก็ปฎิบัติตาม ตนก็เคยไปถามตาถนอมถึงที่บ้าน แต่ก็ถูกต่อว่ากลับมา ซึ่งการตัดไม้ในพื้นที่ตรงนี้ ก่อนหน้านั้นมีคนถูกปรับไปแล้ว 2 ราย ก็ไม่มีปัญหา แต่รายของตาถนอม ตอนแรกก็ยินยอมจ่าย มีหนังสือเซ็นต์รับรอง แต่หลังจากนั้นก็มีการไปร้องเรียน แจ้งความ จนสุดท้ายศาลสั่งให้คืนเงิน ตนก็คืนให้ไปแล้ว ซึ่งเรืองนี้ก็ทำให้คนในหมู่บ้านไม่พอใจ 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

 

โดยเรื่องนี้ ได้มีการโต้เถียงกัน ซึ่ง น้องโอ๋ (ลูกสาวตาถนอม) ได้แย้งว่า ตอนแรกตนเองก็เข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็น นสล. จึงให้พ่อยอมจ่าย แต่เมื่อไปสอบถาม จนท.ป่าไม้ เพราะสงสัย จึงทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ใน นสล.ของหมู่บ้าน ตนจึงต้องร้องเรียนและแจ้งความ เพราะครอบครัวถูกชาวบ้านบลูลี่และรังเกลียด เพราะมีการนำไปพูดแบบปากต่อปากว่าครอบครัวของตนเองไปตัดไม้ในป่าแล้วก็ยังไม่ยอมจ่ายค่าปรับไม่ต้องไปคบหา และถูกตัดการเข้าร่วมโครงการต่างๆ โดยเฉพาะ คทช. ผู้ใหญ่บ้านอ้างว่าเข้าร่วมไม่ได้อย่างเดียว โดยไม่บอกอะไรเลย ทั้งๆที่ครอบครัวไปขอเข้าร่วมถึง 2 ครั้ง แต่ก็ถูกปฎิเสธ จนตนเองต้องดิ้นรนไปติดต่อสอบถามทางป่าไม้เขต เพื่อขอดูพื้นที่ ที่ทำกินว่าสามารถเข้าร่วม คทช.ได้หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายก็เข้าร่วมได้

 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

 

ซึ่งในประเด็นดังกล่าวผู้ใหญ่บ้านได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองได้ปฎิบัติเหมือนกับผู้ใหญ่คนก่อนๆที่ทำกันมา ยึดตามเอกสาร และไม่เคยเลือกปฎิบัติ และเคยเข้าไปขอพูดคุยแล้วแต่ถูกต่อว่ากลับมาถึง2ครั้ง ที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านถูกปรับไปแล้ว 2 ราย ก็ไม่มีปัญหา ส่วนการเข้าร่วม คทช.ระบุว่าตนเองเป็นคนติดต่อให้หน่วยงานเข้ามาเพื่อออกเอกสรสิทธิให้ชาวบ้าน แต่ครอบครัว2ตายายไม่เข้าใจ เพราะพื้นที่ที่จะออก คทช.ให้ได้เฉพาะที่เป็นพื้นที่ทำกินส่วนที่เป็นทางสาธารณะหรือป่าออกให้ไม่ได้ ตนจึงรับรองพื้นที่ทั้งหมดให้ไม่ได้ จนมีเรื่องร้องเรียนกัน และสุดท้ายเมื่อทราบว่าพื้นที่ตัดไม้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ นสล.ตนก็คืนเงินค่าปรับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้อื่นๆ ตนเอง ไม่ขอออกความคิดเห็น 

 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

ซึ่งนายอำเภอวังเหนือ ได้ชี้แจงให้ทั้งผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้เข้าใจและบอกกับลูกบ้านว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการปรับตามธรรมนูญหมู่บ้านเพราะเข้าใจว่าพื้นที่ที่พิพาทสามารถปรับได้และผู้ที่ถูกปรับไม่ติดใจสงสัยจึงไม่เกิดเรื่อง แต่กรณีของครอบครัวตาถนอม ไม่เหมือนกัน เมื่อครอบครัวสงสัยในพื้นที่และได้พิสูจน์แล้วว่าพื้นที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดูแลของหมู่บ้าน ( นสล.) ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านและกรรมการฯ จึงไม่มีอำนาจปรับ เหมือนกรณีอื่นๆที่ผ่านมา และอยากบอกให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าใจในประเด็นนี้ เพราะหากยังคิดว่าครอบครัวตาถนอมตัดไม้ในพื้นที่ที่หมู่บ้านดูแลแต่ไม่ยอมเสียค่าปรับ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความไม่พอใจของชาวบ้านในพื้นที่และส่งผลกระทบกับครอบครัวของสองตายายต่อไปอีก
 
ส่วนประเด็นการถูกให้ออกจากการเป็น อสม.นั้น ไม่ได้มีการปลดออกหรือสอบ ยายคำน้อย แต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมามีการร้องเรียนประธาน อสม.และ อสม. 3 คน ในหมู่บ้าน เกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่  หัวหน้าฝ่ายบริหาร สสอ.วังเหนือ จึงได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจและย้ำเรืองการปฎิบัติหน้าที่ ของ อสม. ในที่ประชุมหมู่บ้าน และได้ตอบข้อซักถามกรณีหลักเกณฑ์การยุติบทบาทของความเป็น อสม.เท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ครอบครัวไม่ได้ติดใจใดๆแล้ว
 
ประเด็นลูกต้องย้าย รร.กลาง ทั้งๆที่ รร.อยู่หน้าบ้าน น้องโอ๋ (ลูกสาวตาถนอม) ได้ชี้แจงถึงปัญหาว่า หลังจากเกิดปัญหาเรื่องตัดไม้ และ การรับเงิน ก็มีการพูดต่อๆกันว่าครอบครัวของตนเองตัดไม้ในป่าหมู่บ้านแล้วไม่ยอมจ่ายค่าปรับ จนเกิดการบลูลี่ และกดดันทาง รร.ซึ่งตนเองเคยคุยปัญหากับ รักษาการ ผอ.รร. มาแล้ว ซึ่ง ทาง รร.มีความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานของรร. ตนเองรับทราบและขอลาออกเพื่อแก้ปัญหา ส่วนลูกชายก็ถูกเพื่อนใน รร.บลูลี่ จนไม่อยากไป รร. ตนสงสารลูกจึงปรึกษากันในครอบครัว และตัดสินขอย้ายลูกออกจาก รร.
 
ทาง ผอ.รร.ได้ยอมรับว่า ไม่ได้มีการสอบถามปัญหากับตัวเด็กจริงเพราะไม่คิดว่าปัญหาของผู้ใหญ่จะมากระทบกับเด็กเพราะเห็นเด็กก็เล่นกันดี และช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงปิดเทอม ทราบแค่ว่าครูโอ๋ต้องการลาออก ส่วนเด็กเพิ่งทราบตอนใกล้เปิดเทอมในประเด็นนี้ ทางด้าน นายอำเภอ ก็ได้ย้ำกับทาง รร.ว่า ขอให้ตรวจสอบความผิดปกติของเด็กให้มากขึ้น เพราะไม่อยากให้ปัญหาที่เกิดกับผู้ใหญ่ไปกระทบกับจิตใจเด็ก หากทราบปัญหาก็จะได้ช่วยกันแก้ไขได้
 
ส่วนประเด็นล่าสุดเกี่ยวกับ การแจ้งความ ตาม พรบ.ป่าไม้ ถึงการปิดกั้นทางและแผ้วถางพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่คาบเกี่ยวระหว่าง พื้นที่ที่จะออกเอกสารรับรอง คทช. กับ นสล. ป่าสงวน และ สปก. ซึ่งทาง ทสจ.และหน่วยป้องกัน ได้แสดงแผนที่ทางอากาศย้อนหลังให้ดู ซึ่งก็พบว่ามีการทำกินมาก่อนหน้านั้นจริง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะออกเอกสารรับรอง คทช.ให้ แต่ต้องรอ เก็บตกในรอบที่2 เพราะรอบแรก ที่ทราบปัญหาคือ ไม่มีการชี้จุดและผู้นำไม่ได้รับรอง จึงตกสำรวจไป ด้วยปัญหาที่ทราบภายหลังเพราะเกิดข้อพิพาทกัน ส่วนพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนว่ามีการนำรั้วมากั้นทางสาธารระนั้น อยู่ในเขตป่าสงวน แม้ เจ้าตัวจะยืนยันว่าเป็นพื้นที่ที่ครอบครัวทำกินมาพร้อมกันและไม่ได้มีการแผ้วถางเพิ่ม แต่การดูด้วยตาเปล่ากับการวัดพิกัด จะไม่เหมือนกัน เมื่อตรวจสอบแผนที่ย้อนหลังแล้วเมื่อพบว่าเป็นทางสาธารณะก็จะไม่สามารถออกเอกสารรับรองให้ได้ ประกอบกับมีการร้องเรียน จึงต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นขบวนการยุติธรรมแล้วก็จะไม่ก้าวล่วงในจุดนั้น
 
ซึ่งในประเด็นนี้ ครอบครัวของตายาย ก็พร้อมยอมรับ หากจะมีการตัดพื้นที่ออกตามหลักเกณฑ์ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้ และคิดมาตลอดว่าพื้นที่ที่รุ่นตายายบุกเบิกมาจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ที่ผ่านมาหลังจากเกิดปัญหาเรื่องตัดไม้ ในสวนก็เกิดปัญหาของที่เก็บไว้ในห้างสวนก็ถูกขโมย ตาถนอมถึงกับต้องมานอนเฝ้า ครอบครัวจึงคิดว่าหากทำรั้วชั่วคราวกั้นไว้ก็จะป้องกันได้ไม่มากก็น้อย แต่ก็มาถูกร้องเรียนและถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีก 
 

 

ไม่จบ!  ตา-ยาย ตัดไม้ต้นเดียวถูกปรับแสน ลามโดนแจ้งจับบุกรุกแผ้วทางป่าสงวน

 

ซึ่งในประเด็นนี้ นายอำเภอวังเหนือ ก็ได้สอบบถามครอบครัวว่ายอมรับเรื่องพื้นที่หรือไม่ ทางครอบครัวตาถนอม ก็ยอมรับ ซึ่งทางด้านนายอำเภอได้กล่าวว่า ทางด้านคดีก็จะได้ช่วยกันหาทางออกเพื่อช่วยเหลือตาถนอมและยายคำน้อยต่อไป

ในช่วงสุดท้ายทางนายอำเภอได้สอบถามทางผู้สื่อข่าวที่ได้นั่งฟังตลอดเกือบ3ชั่วโมง ว่ามีข้อคิดเห้นอย่างไรบ้าง ทางด้านผู้สื่อข่าว โดยคุณรัตนา ธะนะคำ ได้ร่วมเสนอแนะและแนะนำในการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดกรณีพิพาทขึ้นอีก โดยขอให้มีการชี้จุดพื้นที่ที่เป็นธรรมนูญของหมู่บ้านให้ชัดเจน มีการติดป้ายขอบเขตเพื่อให้ชาวบ้านรับทราบทั่วกันจะได้ไม่เกิดปัญหาหากมีการกระทำผิดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ส่วนประเด็นการดำเนินคดีกับชาวบ้าน ต้องการให้หน่วยงานชี้แจงและออกเอกสารรับรองสิทธิในพื้นที่ให้ชาวบ้านให้เรียบร้อยและให้ชาวบ้านหมดความสงสัย ก่อนที่จะดำเนินคดีใดๆ และควรให้คำแนะนำหากพื้นที่อื่นที่อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ เพื่อให้ชาวบ้านได้ดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาและไม่ให้เกิดการร้องเรียนกันขึ้นมาอีก.