
ไขข้อข้องใจ "แม่ รมว.ดีอี" โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคล ของคนอื่น แต่ไม่ผิด PDPA?
"PDPC Thailand" ไขข้อข้องใจ สาเหตุ "แม่ รมว.ดีอี" โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่น แต่ไม่ผิด PDPA ชี้ช่อง เอาผิดอะไรได้บ้าง?
จากประเด็นร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อ "แม่ รมว.ดีอี" โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นในเชิงประชดประชัน ก่อนนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จะแจงต่อว่าไม่ผิดกฎหมาย PDPA ทำให้เกิดเป็นประเด็นสงสัยในสื่อสังคมออนไลน์ว่าการกระทำดังกล่าว "ไม่ผิด PDPA จริงหรือไม่?"
ล่าสุด 11 ธ.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล - สคส หรือ PDPC Thailand ได้ออกมาไขทุกข้อข้องใจใน 2 ประเด็นจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า
ตามที่มีสื่อโซเชียลมีเดียบางสำนักให้ข้อมูลข่าวการโพสต์ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นของนางกรุณา ชิดชอบ ว่าไม่ผิดกฎหมาย PDPA ด้วยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงนั้น นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้มีความกังวลต่อประเด็นนี้ เนื่องจากต้องการให้การดำเนินการเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เป็นไปตามกระบวนการอย่างถูกต้องที่สุด ไม่ว่าบุคคลที่กระทำความผิดจะเป็นบุคคลใดก็ตาม โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการ
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ได้ให้ข้อมูลชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้นดังนี้
1.กรณีการกระทำของผู้โพสต์
เนื่องจากผู้โพสต์ได้โพสต์ข้อมูลส่วนตัวของคู่กรณีในเชิงประชดประชัน โดยไม่ได้เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อกิจการใดกิจการหนึ่ง จึงเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับตามกฎหมาย PDPA ตามมาตรา 4(1) แต่อย่างไรก็ตาม หากการโพสต์ดังกล่าวทำให้ผู้อื่นเสียหาย อาจเข้าข่ายการหมิ่นประมาท หรือมีความผิดตามกฎหมายอื่นได้
2. กรณีข้อมูลที่ถูกนำมาโพสต์เป็นข้อมูลที่รั่วไหลจากการควบคุมดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในส่วนนี้ต้องบังคับตามกฎหมาย PDPA โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตรวจสอบและต้องแจ้งเหตุการละเมิดมายัง สคส. ภายใน 72 ชม. ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบและแจ้งเหตุการละเมิดมายัง สคส. แล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง โดย สคส. หากพบว่า มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพียงพอ ก็จะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและรายงานต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาทางปกครองต่อไป
ขณะเดียวกัน ในระหว่างนี้หากคู่กรณีเห็นว่าตนได้รับความเสียหายเพราะการกระทำดังกล่าวสามารถใช้สิทธิ์ร้องเรียนมายัง สคส.เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาทางปกครองได้ โดย สคส. พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่มีละเว้น การบังคับใช้กฎหมายอย่างแน่นอน



