
ศาลอาญาพิพากษา ยกฟ้อง"ชูวิทย์" ปมโจมตีนโยบายกัญชาพรรคภูมิใจไทย
ศาลอาญาพิพากษา ยกฟ้อง"ชูวิทย์" ปมโจมตีนโยบายกัญชาพรรคภูมิใจไทย ชี้เป็นการติชมโดยสุจริต มองโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน
เวลา 09.00น.วันที่ 25 พ.ย. ที่ห้องพิจารณา808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.1225/2566ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.)โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หน.พรรคมอบอำนาจให้นายศุภชัย ใจสมุทรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองชือดังเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ
โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 17มี.ค.66 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 คณะกรรมการเลือกตั้งได้ออกประกาศเรื่อง กําหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันรับสมัครเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และสถานที่ที่พรรค การเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อในการนี้ โจทก์ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จํานวน 387 คน และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จํานวน 98 คน
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2566 จําเลยได้บังอาจกระทําความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกรรมต่างวาระ คือ จำเลยบังอาจ จัดให้ ให้ เสนอให้สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น งดเว้นการลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร หรือ การชักชวนให้ไปลงคะแนน โดยขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หน.พรรคภูมใจไทย กำลังปราศรัยให้แก่ผู้สมัครในสังกัดพรรคของโจทก์บนเวทีปราศรัยชั่วคราว ณ ลานกีฬาแฟลตดินแดง สน.ดินแดง ซึ่งในขณะนั้นมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยมากกว่า2,000 คน จําเลยได้บังอาจตั้งโต๊ะแถลงข่าวโดยใช้เครื่องขยายเสียงขนาเล็ก(โทรโข่ง)และแจกเสื้อให้แก่ประชาชนได้จูงใจ ให้ประชาชนทั่วไปงดเว้นการลงคะแนนในเลือก สส. สังกัดของโจทก์ โจมตีข้อความเท็จอันเป็น ด้วยโทรโข่ง อาทิ เฮ้ย! ไม่จริง ไม่จริงอย่าไปฟัง ไอ้หนูโกหก อย่าไปฟัง ไอ้นโยบายบ้ากัญชา และมีป้ายไวนิล ข้อความอันเป็นเท็จ อาทิกัญชาค่ายเยาวชน, ภูมิใจ พรรคบ้ากัญชา ไม่เลือกพรรคบ้ากัญชา, กัญชาคือ ยาเสพติด ยกเลิกกัญชา, เยาวชนติดกัญชาเพราะมึง และ เลือกพรรคผิดติดกัญชา เป็นต้น
ศาลพิเคราะห์หลักฐานรวมทั้งการสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า เนื่องจากโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะมีผลต่อประชาชนและนำเรื่องกัญชาหาเสียงข้อเท็จจริงการนำสืบของโจทก์และจำเลยเมื่อปี 2565 มีการประกาศกัญชากัญชงไม่ผิดกฎหมายและนำไปใช้เสพกันโดยทั่วไป โดยไม่มีการควบคุมทางกฎหมายรวมถึงการที่จำเลยกล่าวว่าโจทก์มีความเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเลี้ยงใบกันชง จึงให้ความสนใจกับธุรกิจกัญชาและกันชงมากกว่าประโยชน์ทางการแพทย์
อย่างไรก็ตามจำเลยเป็นประชาชนที่ให้ความสนใจ เรื่องปัญหาของเยาวชนไม่เห็นด้วยกับการปราศรัยนโยบาย กัญชาเสรี ว่าเป็นสิ่งที่หลอกลวงประชาชน มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงได้ต่อต้านไม่ให้เลือกพรรคที่สนับสนุนการทำกัญชาเสรี ดังนั้นจำเลยจำเลยจึงแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตแม้ถ้อยคำโจมตีนโยบายของโจทก์จะร้ายแรงอยู่บ้างแต่ว่าโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับคำติชม ดังนั้นจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ส่วนที่มีคำฟ้องตามกฎหมายว่า จำเลยทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง มาตรา 73 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใดๆ ศาลพิจารณาแล้ว ส่วนการที่จำเลยได้เดินหน้าแจกเสื้อสติกเกอร์เข็มกลัดต่อต้านนโยบายกัญชาเสรีเป็นการแจกโดยเปิดเผยไม่ได้ทุจริตในการเลือกตั้งเพียงแต่ต่อต้านนโยบายของพรรคโจทก์เท่านั้น และไม่ปรากฏว่าประชาชนจะเกิดความหวาดกลัวหรือมีความรู้สึกถูกบังคับขู่เข็ญให้เข้าใจ จำเลยจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้



