
อดีตรองปลัด ยธ. ช็อก "ฮาเร็มกลางเรือนจำ" ขยี้ศักดิ์ศรียุติธรรมไทย "อัจฉริยะ" ลั่นแรง! อัปยศ
อดีตรองปลัด ยธ. ช็อก! "ฮาเร็มกลางเรือนจำ" ขยี้ศักดิ์ศรี ยุติธรรมไทยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน! "อัจฉริยะ" ลั่นแรง อัปยศใช้ห้อง ผบ.เรือนจำ "รองรับตัณหา"
จากกรณีสะเทือนขวัญที่ "กรมราชทัณฑ์" ส่งชุดจู่โจมเข้าตรวจค้น แดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังมีข่าวลือการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่ม "นักโทษจีนเทา" โดยเฉพาะการจัดพื้นที่พิเศษในโรงช่างไม้เก่าที่ถูกปิดร้างให้เป็นที่พักส่วนตัว และที่ยิ่งกว่านั้นคือข่าวฉาวเรื่องการ "จัดหานางแบบ/ผู้หญิง" มาให้บริการ!แม้กรมราชทัณฑ์จะยืนยันการบุกค้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย. และพบของต้องห้ามจริง พร้อมสั่งย้าย นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ออกจากตำแหน่งทันที แต่ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงแล้ว
ล่าสุด นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาในฐานะอดีตผู้บริหารกระทรวงฯ โดยระบุว่า... #เสียของจริงๆ ในฐานะอดีตผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เห็นข่าวในกรมราชทัณฑ์ ถ้าเป็นจริง ผมมีความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ และปวดใจยิ่งต่อพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของข้าราชการรายนี้ในกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
กระทรวงยุติธรรมในอดีตเรามีแต่ปลูกฝังให้คนกระทรวงยุติธรรมมีความซื่อสัตย์ สุจริต อดทน เสียสละเพื่อประชาชน และเป็นมืออาชีพ ไม่เคยคิดเลยว่าคนกระทรวงกรณีนี้ จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงได้ขนาดนี้ ถ้าเข้าข่ายการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๐๑ บัญญัติว่า หากข้าราชการผู้ใดถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา (ยกเว้นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ) ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุมีอำนาจสั่งพักราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนหรือพิจารณา หรือผลแห่งคดีได้
ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างดุเดือดไม่แพ้กัน โดยระบุถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ว่า...โดยระบุถึงพฤติการณ์กลุ่ม “ทุนจีนสีเทา” ซึ่งได้ว่าจ้างนางแบบจากต่างประเทศเข้ามาให้บริการทางเพศแก่นักโทษถึงด้านใน " ใช้ห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ควบคุมเข้มงวดและควรมีระเบียบวินัยสูงสุด มาเป็นสถานที่รองรับตัณหา"
นายอัจฉริยะ ได้แนะแนวทางการตรวจสอบที่รวดเร็วและเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด โดยระบุถึงจุดแข็งด้านความปลอดภัยของเรือนจำว่า "เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ติดตั้ง กล้องวงจรปิดครอบคลุมทั่วพื้นที่ การไล่ดู ไทม์ไลน์การเข้า-ออก จะใช้เป็นหลักฐาน มัดตัวผู้กระทำผิดได้ไม่ยาก" การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจะกลายเป็น "อาวุธสำคัญ" ที่เปิดโปงขบวนการทุจริตและการเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษได้อย่างชัดเจน โดยไม่สามารถปฏิเสธได้
ในท้ายที่สุด นายอัจฉริยะ ได้ทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความรู้สึกที่รุนแรงต่อเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจนว่า "เรื่องนี้บัดซบมาก พูดไปที่ไหนก็อาย" และยืนยันหนักแน่นว่าจะเดินหน้า กดดันให้ความจริงทั้งหมดปรากฏต่อสาธารณชน เพื่อกอบกู้ศรัทธาในระบบยุติธรรมของประเทศกลับคืนมา ต้องจับตาดูว่า กรมราชทัณฑ์จะดำเนินการตามคำแนะนำและนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาเปิดโปงผู้เกี่ยวข้องได้รวดเร็วและเด็ดขาดเพียงใด!



