
"สุชาติ" หารือทูตศรีลังกาครั้งแรก เร่งพา "พลายประตูผา-ศรีณรงค์" กลับไทย
เดินหน้าเจรจาภารกิจ นำ "พลายประตูผา-พลายศรีณรงค์" กลับสู่มาตุภูมิ "สุชาติ" หารือทูตศรีลังกา พร้อมย้ำความผูกพันและมิตรภาพ 70 ปี ไทย-ศรีลังกา
19 พ.ย. 2568 เวลา 13.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้ให้การต้อนรับ นางเอทิริสิงเห อารัจจิลาเค ศรียานี วิชยันติ เอทิริสิงเห (H.E. Mrs. Edirisinghe Arachchilage Sriyani Wijayanthi Edirisinghe) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
โดยเป็นการหารือแนวทางความร่วมมือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับดูแลช้าง 2 เชือก คือ "พลายประตูผา" และ "พลายศรีณรงค์" ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายสุชาติ ดำเนินการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดูแลช้างทั้งสองเชือก เนื่องจากมีอายุมากและเริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพ จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูสวัสดิภาพอย่างเร่งด่วน
ปัจจุบัน พลายประตูผา อายุ 51 ปี ถูกส่งไปเมื่อปี 2523 อาศัยที่วัดสุธุฮุมโปลลา เมืองแคนดี้ และพลายศรีณรงค์ อายุ 29 ปี ถูกส่งไปเมื่อปี 2544 อาศัยอยุ่ที่วัด kelaniya เมือง Rattanapura ซึ่งช้างทั้ง 2 เชือก อยู่ห่างกันระยะทาง 105 กิโลเมตร และได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทูตสันถวไมตรีทางวัฒนธรรมและศาสนา เชื่อมโยงมิตรภาพระหว่างประชาชนไทยและศรีลังกามาอย่างยาวนาน
นายสุชาติ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานการดำเนินงานอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-ศรีลังกา กว่า 70 ปี ความเคารพต่อประเพณีและวัฒนธรรม รวมทั้งความศรัทธาร่วมกันในพระพุทธศาสนา สวัสดิภาพของช้างที่มีอายุมาก และความรู้สึกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศที่มีความผูกพันลึกซึ้งต่อช้างทั้งสองเชือก พร้อมเน้นย้ำความประสงค์ของรัฐบาลไทยที่จะนำช้างทั้ง 2 เชือกกลับสู่ประเทศไทย เพื่อให้ได้กลับมาพักผ่อนและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต ณ ถิ่นกำเนิด หลังจากปฏิบัติภารกิจอันทรงเกียรติมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี แจ้งความประสงค์ในนามของรัฐบาลไทยที่จะเข้าเยี่ยมคารวะท่านอนุระ กุมาระ ทิสานายกะ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ณ กรุงโคลัมโบ ในอนาคตอันใกล้ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับช้างไทย และส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทยจะมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบ ประสานงานในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายสุชาติ ย้ำว่า ช้างถือเป็นสัตว์ที่มีความหมายพิเศษสำหรับทั้งสองประเทศ
สำหรับไทยเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง สำหรับศรีลังกาเป็นสัตว์มงคลในพระพุทธศาสนา สะท้อนถึงคุณค่าทางจิตใจ ศาสนา และวัฒนธรรมร่วมกัน และด้วยเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพ ความเคารพ และความเข้าใจอันลึกซึ้ง ฝ่ายไทยมีความมุ่งหวังอย่างยิ่งที่จะนำช้างทั้ง 2 เชือกกลับบ้าน พร้อมทั้งยกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-ศรีลังกาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังแสดงความยินดีที่จะสนับสนุนการส่งเสริมบทบาทของเด็กและเยาวชนในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามข้อมติของศรีลังกาที่ร้องขอให้ไทยร่วมสนับสนุน ในการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 7 ที่จะมีขึ้นในเดือนธันวาคม 2568 ณ กรุงไนโรบี ซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ก่อนตอบรับอย่างเป็นทางการ



