
“แม่ทัพกุ้ง” นั่ง ผอ.หลักสูตร 4 ส. สถาบันพระปกเกล้า ประกาศยุติงานด้านความมั่นคงชายแดน
“แม่ทัพกุ้ง” พลโท บุญสิน พาดกลาง นั่งตำแหน่ง นั่ง ผอ.หลักสูตร 4 ส. สถาบันพระปกเกล้า ประกาศยุติงานด้านความมั่นคงชายแดน
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 สถาบันพระปกเกล้า จัดงานเสวนาวิชาการเรื่อง “ความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา จากข้อตกลงสู่การปฏิบัต” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวปาฐกถาเปิดตัว พร้อมประกาศรายชื่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรชุดใหม่อย่างเป็นทางการ ได้แก่
• นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหลักสูตร
• พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาพิเศษเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหลักสูตร
โดยทั้งสองท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ยาวนานด้านความมั่นคง การบริหารราชการ และการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งจะทำให้หลักสูตร สสสส. ก้าวสู่บทบาทใหม่ที่เข้มแข็งและตอบโจทย์ประเทศได้อย่างแท้จริง พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิอีก 19 ท่านที่จะร่วมวางยุทธศาสตร์และขับเคลื่อนหลักสูตรในระยะต่อไป เลขาธิการกล่าวย้ำว่า สถาบันพระปกเกล้าในฐานะ “คลังสมองของประเทศด้านนิติบัญญัติ” จะสนับสนุนหลักสูตร สสสส. ให้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างผู้นำเพื่อสังคมสันติสุข ขับเคลื่อนบนฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง และการลงมือทำเชิงประจักษ์ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาวิชาการหัวข้อ “ความเข้าใจ MOU 43–44 ไทย–กัมพูชา : จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เพื่อเสริมความเข้าใจด้านประวัติศาสตร์ กฎหมาย และเทคนิคการปักปันเขตแดน เสริมความสมบูรณ์ให้งานเปิดตัวในครั้งนี้
โดยพลโทบุญสิน ได้กล่าวสั้นๆว่า “ตัวผมเองไม่ใช่นักวิชาการ แต่ทั้งชีวิตปฏิบัติจริงมาตั้งแต่จบ จนเป็นร้อยตรี อยู่กับสังคมที่ไม่สันติสุขเยอะมาก อยู่กับสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดชีวิตราชการ และอยู่กับพี่น้อง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 4 ปี ผมหยุดทำงานวันเดียวที่ภาคใต้ คือ วันอาทิตย์ นอกนั้นผมออกพื้นที่ตลอด สำหรับตัวผมและทีมงานที่ไปกับผม ถ้าผมไม่ออกพื้นที่ ผมก็จะไม่รู้ว่าพี่น้องคือใคร พี่น้องกินอยู่อย่างไร เขาเดือดร้อนเรื่องอะไรกันบ้าง รวมไปถึงทั่วประเทศไทยเองก็เหมือนกัน ถ้าพวกท่านเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบ คุณนั่งโต๊ะน้อย ๆ หน่อย อย่าอยู่ในห้องนาน ผมว่างานที่ท่านรับผิดชอบสันติสุขแน่นอน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ผมเน้นการปฏิบัติมาตลอดทั้งชีวิต ทุกครั้งที่มีปัญหาผมเข้าหาปัญหามาโดยตลอด แม้ว่าปัญหานั้นจะอันตรายมาก ผมอยู่กับเรื่องพวกนี้มาบ่อยมาก ยิ่งห่างยิ่งเจ็บ เพราะฉะนั้นเสริมสร้างสังคมสันติสุข มีอยู่ 2 สิ่งเท่านั้น คือ คนกับพื้นที่ หากจัดการเรื่องคนกับพื้นที่ให้เข้าใจได้ มันก็จะสันติสุข และผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนา ในทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ ประชากรก็จะเกิดสันติสุขด้วย”
ในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตร 4ส. ขอยุติงานด้านความมั่นคงชายแดน เพื่อให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสามารถชี้แจงสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการตรวจสอบข่าวสารในด้านความมั่นคง และให้กำลังใจแก่ฝ่ายความมั่นคงในการทำงาน พร้อมทั้งแสดงความเห็นเกี่ยวกับความกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับการยุติปฏิญญาฯ ว่าควรให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้
นายอิสระ กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าต้องทำหน้าที่เป็นคลังสมองของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนิติบัญญัติ ทั้งนี้ การทำประชามติเป็นการทำไปโดยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ในการแก้ไขธรรมนูญ รวมทั้ง หากจะมีการยกเลิกข้อตกลงใดๆ ระหว่างรัฐ ก็จะต้องจัดทำประชามติ ซึ่งการทำประชามติแต่ละครั้ง รัฐมีค่าใช้จ่าย ราวๆ 18,000 ล้านบาท แต่หากนำมาจัดทำรวมกัน กับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น ก็ย่อมจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีทุกอย่าง การประหยัดค่าใช้จ่ายนั้น อาจต้องแลกมากับความสับสนของประชาชนในคูหา ลำพังบัตรเลือกตั้งสองใบ สำหรับการเลือก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็สับสนพอแล้ว เบอร์ของแต่ละพรรคคนละเบอร์กัน ครั้งนี้อาจจะมีบัตรอีกสองใบ รวมเป็นสี่ใบ โดยประกอบด้วยห้าคำถาม ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับประชาชน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน
นายอิสระ กล่าวว่า ดังนั้น สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะคลังสมองของประเทศ จึงควรที่ลดความสับสน สร้างความเข้าใจสร้างข้อมูลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก ซึ่งความรู้สึกอารมณ์รักชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ ก็จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างที่เราเห็นมาแล้วในหลายหลายประเทศ ดังนั้น ในส่วนที่สองของงานในวันนี้จึง เป็นการเสวนาในหัวข้อ ความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา จากข้อตกลง สู่การปฏิบัติ



