
"เจ้าของหงส์ไทย" เปิดใจสุดท้อ! ธุรกิจ 20 ปี ถูกขยี้พังใน 2 วัน! วอนขอโอกาส
"เจ้าของหงส์ไทย" เปิดใจสุดท้อ! ธุรกิจ 20 ปี ถูกขยี้พังใน 2 วัน! ลั่น! ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้วอน อย. ขอโอกาสให้ได้ไปต่อ
สถานการณ์ของ "ยาดมหงส์ไทย" ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดมสมุนไพรชื่อดัง กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างหนัก หลังเผชิญปัญหาซ้ำซ้อนทั้งเรื่องการปนเปื้อนจุลินทรีย์และการถูกกล่าวหาว่าใช้ "โรงงานเถื่อน" ล่าสุด นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้ออกมาเปิดใจด้วยความท้อแท้ต่อสื่อมวลชนถึงวิบากกรรมที่ถาโถมเข้ามา
นายธีระพงศ์ เผยว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2568 ตนได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาจุลินทรีย์ใน "ยาดมสมุนไพรสูตร 2 ล็อตที่ 332" ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบ โดยได้นำสินค้าทุกตัวไปฉายแสง ณ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. และพบว่า "ค่าจุลินทรีย์เป็นศูนย์" ยืนยันว่าไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
เจอศึกใหม่! ถูกกล่าวหาใช้ 'โรงงานเถื่อน'
แต่ปัญหายังไม่ทันจบสิ้น กลับมีข่าวออกมาว่า สถานที่ที่ใช้สำหรับติดสติกเกอร์และบรรจุใส่โหล ย่านพุทธมณฑลสาย 3 ถูกระบุว่าเป็น "โรงงานเถื่อน" นายธีระพงศ์ชี้แจงถึงเหตุผลว่า มาจากปัญหาการผลิตไม่ทันเนื่องจากมีออเดอร์เข้ามามาก จึงจำเป็นต้องหาพื้นที่และซื้อเครื่องติดสติกเกอร์เพิ่มเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า"เราไม่ได้บอกว่าเราดื้อดึง เราพยายามแก้ปัญหาอยู่ และต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีข้อโต้แย้ง"
ลงทุนสร้างโรงงานใหม่ แต่ติดปัญหาขออนุญาต
ผู้ก่อตั้งหงส์ไทยระบุว่า บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่พุทธมณฑลสาย 4 ตามแบบที่ อย. อนุมัติแล้ว แต่ก่อนจะได้รับใบอนุญาตต้องยื่นเรื่องกับ สสจ.สมุทรสาคร ก่อน ซึ่งเมื่อติดต่อไปกลับได้รับคำตอบว่า หากมีเครื่องจักรเข้ามาอีก ต้องรอให้พร้อมก่อน ทำให้การขอใบอนุญาตจาก อย. ยังไม่สำเร็จ
ธุรกิจ 20 ปี ถูกทำลายใน 2 วัน! วอนขอโอกาส
นายธีระพงศ์กล่าวด้วยความรู้สึกที่ "ท้อ" ว่า ตอนนี้เรื่องบานปลายจนเกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ จากธุรกิจที่ทำมาอย่างสุจริตและตั้งใจมาตลอด 20 ปี ถูกทำลายลงในเวลาเพียง 2 วัน
"ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงเราที่เสีย ยังมีชื่อเสียงของประเทศไทยที่เสียไปด้วย คาดว่ายังมีลูกค้าที่ยังเชื่อมั่นเราแค่ 10% อีก 90% น่าจะหายไป ผมก็ไม่อยากจะทำผิด แต่จะให้ผมทำยังไง ทุกอย่างมันบีบบังคับ... ผมก็ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงองค์กรด้วยเช่นกัน"
เขาทิ้งท้ายด้วยคำถามที่สะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างหนัก ว่า "ทำไมไม่เปิดโอกาสให้เรา ไม่ใช่เอากฎระเบียบมาขยี้แบบนี้ ถ้าผิดก็เตือนให้เราแก้ไข ดีกว่าที่จะพิฆาตเราเลย" โดยหวังว่าการตัดสินใจของ อย. และสังคม จะให้โอกาสให้เขาได้ "ทำสำเร็จ" ต่อไป



