
เพจดังแฉยับ! สาวสูญเงิน 6 ล้าน ถูกคลินิกดังขายคอร์สจนหมดตัว
เพจดังเตือนภัย! สาวสูญเงิน 6 ล้าน ถูกคลินิกเสริมความงาม ลวงขายคอร์สจนหมดตัว แฉยับ! จนท.คุมมือถือ กดเพิ่มวงเงิน-โอนเองทุกขั้นตอน!
เพจดัง ท่านเปา ออกมาโพสต์เตือนภัย! เมื่อผู้บริโภครายหนึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อก หลังเข้าใช้บริการสถาบันเสริมความงามคลินิกดูแลผิวชื่อดัง เพียง 4 ครั้ง แต่กลับถูกพนักงานหว่านล้อมจนสูญเงินไปกว่า 6,010,000 บาท (หกล้านหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมีพฤติกรรมสุดแสบที่เข้าข่ายการบังคับซื้อขายที่น่าตกใจ!
จุดเริ่มต้นจาก "แก้วเยติฟรี" สู่คอร์ส 6 ล้าน!
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้เสียหายเดินผ่านบูธกิจกรรมของสถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต และถูกพนักงานชักชวนให้ลงทะเบียนเพื่อ "รับแก้วเยติฟรี" แต่แทนที่จะได้รับแก้ว พนักงานกลับนำตัวผู้เสียหายเข้าบูธเพื่อสแกนใบหน้า ตรวจสุขภาพผิว และชั่งน้ำหนักวัดมวลไขมัน
ผู้เสียหายระบุว่าแม้จะไม่ได้ตั้งใจทำสวย แต่พนักงานหลายคนเข้ามารุมหว่านล้อมและ ไม่ยอมปล่อยให้ลุกออกจากบูธ จนสุดท้ายต้องจำใจซื้อคอร์สแรกไปในราคา 10,000 บาท โดยพนักงานอ้างว่าคอร์สลดไขมันจะช่วยบรรเทาอาการ “ไขมันพอกตับ” ได้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ผู้เสียหายมีความกังวลเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว
แฉพฤติกรรมสุดแสบ: คุมมือถือลูกค้า!
ความน่าตกใจไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อถูกพาลงไปยังคลินิกจริง ผู้เสียหายเล่าว่าในทุกครั้งที่กลับไปใช้บริการ จะถูกเจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้ามารุมขายคอร์สเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่กำลังทำทรีตเมนต์เสร็จใหม่ ๆ และ ไม่ยอมปล่อยให้ออกจากคลินิก จนกว่าจะตัดสินใจจ่ายเพิ่ม:
- ครั้งที่ 2: จ่ายเพิ่ม 1.5 ล้านบาท
- ครั้งที่ 3: จ่ายเพิ่ม 2.5 ล้านบาท
- ครั้งที่ 4: จ่ายเพิ่ม 1 ล้านบาท
รวมยอดที่จ่ายทั้งหมด: 6,010,000 บาท (ได้ใช้บริการจริงเพียง 4 ครั้ง)
สิ่งที่ผู้เสียหายระบุว่าเป็นการกระทำที่เกินเลยคือ เจ้าหน้าที่คลินิกเป็นคน “กดทำธุรกรรมบนโทรศัพท์ของลูกค้าเอง” โดยอ้างว่าลูกค้าใช้มือถือไม่เก่ง เจ้าหน้าที่จึงจัดการทุกอย่างให้หมด ทั้ง โทรไปขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแทน และกดยืนยันให้เสร็จ โดยที่ลูกค้าเพียงแค่พูด "ยืนยันตัวตน" ตามขั้นตอนเท่านั้น
"ทุกครั้งที่ไปคลินิกจะถูกจับมือถือ กดโอน กดเพิ่มวงเงินให้เรียบร้อยอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครช่วย พูดง่ายๆ คือ “จนมุม” ทุกครั้งที่ไป" ผู้เสียหายกล่าว
ยื่นฟ้องศาล-คลินิกยื่นข้อเสนอคืน 1 ล้านบาท
หลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอก ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เพื่อขอเงินคืน แต่ทางคลินิกกลับเสนอคืนเงินให้เพียง 1 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็น “นโยบายบริษัท” ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงได้ร้องเรียนไปยัง สคบ. แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากคดีอยู่ในศาลแล้ว สุดท้ายจึงต้องขอความช่วยเหลือจากสภาองค์กรของผู้บริโภค เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับผู้บริโภคที่ต้องระมัดระวังกลยุทธ์การขายแบบรุกหนักและการหว่านล้อมเพื่อปิดการขายในธุรกิจเสริมความงามและสุขภาพ



