ข่าว

ทบ. โต้กลับ เขมรตีมึน ยังอ้าวพื้นที่ข้อพิพาทเป็นของตัวเอง ยืนยันเป็นเขตของไทย

ทบ. โต้กลับ เขมรตีมึน ยังอ้าวพื้นที่ข้อพิพาทเป็นของตัวเอง ยืนยันเป็นเขตของไทย

18 ต.ค. 2568

โฆษก ทบ. เผย เขมรพยายามไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ยืนยันมาตลอด พื้นที่ข้อพิพาทเป็นเขตของไทย ไม่จำเป็นใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหา

จากกรณีที่ นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ กรณีที่สื่อมวลชนไทยได้ กล่าวว่า บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว รวมถึงพื้นที่ที่ฝ่ายไทยได้ มีการวางลวดหนาม และได้ใช้รถปรับพื้นดินเพื่อปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดอยู่นั้น อยู่ในเขตแดนไทย

 

โดยนายเพ็ญ โบนา ได้กล่าวว่าเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทย เป็นเขตแดนระหว่างประเทศตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ซึ่งรวมถึงแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และหลักเขตแดนที่ได้รับการยอมรับ จำนวน 74 หลัก ยังคงมีผลทางกฎหมายและได้รับการคุ้มครองภายใต้บทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงฝ่ายเดียว

 

ต่อกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงว่า นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา พยายามที่จะไม่เข้าใจ ซึ่งได้เคยชี้แจงไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเรียนว่า พื้นที่ที่ชาวบ้านกัมพูชาบุกรุกที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ในขณะนี้ อยู่นอกเขตพื้นที่ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ ลึกเลยเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะนำแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 มาใช้อ้างอิงก็ตาม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ชายแดนที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ ตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ระบุให้ใช้หลักเขตแดน ที่ได้เคยปักปันกันไว้แล้วในอดีตเป็นหลัก ซึ่งในบางหลักเขตอาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง จึงเกิดเป็นพื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ทำให้ต้องใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหา  

แต่พื้นที่ที่มีปัญหาและข้อพิพาทกันอยู่ และจำเป็นต้องดำเนินการเร่งแก้ไขนั้น จะเป็นในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ที่อยู่ลึกเลยเข้ามาในฝั่งประเทศไทยอย่างชัดเจน จึงไม่จำเป็นต้องรอให้กลไก JBC มาใช้แก้ปัญหา ในบริเวณพื้นที่ส่วนนี้

 

การรุกล้ำกรณีดังกล่าวจึงย่อมมีผลทางกฎหมายของไทย และไม่เป็นการละเมิดในบทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างที่กล่าวอ้าง