ข่าว

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ พระราชทานนโยบาย "กองทุนหทัยทิพย์" สร้างบังกอร์-รั้วชายแดน

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ พระราชทานนโยบาย "กองทุนหทัยทิพย์" สร้างบังกอร์-รั้วชายแดน

15 ต.ค. 2568

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ พระราชทานพระวโรกาสให้กองทัพบก เข้าเฝ้าถวายรายงาน “กองทุนหทัยทิพย์“ พระองค์มีพระกระแสรับสั่งให้สร้างบังเกอร์-หลุมหลบภัย-รั้วชายแดน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2568 เวลา 10.00 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสำนักองค์ประธาน นำ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้แทนกองทัพบก ประกอบด้วย พลเอก อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พลตรี กิติศักดิ์ ถาวร ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 และพลตรี วินธัย สุวารี เลขานุการกองทัพบก เข้าเฝ้า  เพื่อรับพระราชทานพระนโยบายเกี่ยวกับการเข้าสนับสนุนการดำเนินงาน "กองทุนหทัยทิพย์" ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ณ ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร


กองทุนหทัยทิพย์ จัดตั้งขึ้นตามพระดำริของศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนและประเทศชาติ พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงภัยคุกคามในหลายรูปแบบ ทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบ ภัยธรรมชาติ ความขัดแย้ง และสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นแนวหน้าของการรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ

 

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ พระราชทานนโยบาย \"กองทุนหทัยทิพย์\" สร้างบังกอร์-รั้วชายแดน

 

กองทัพบกจึงได้จัดตั้งคณะทำงานโครงการสนับสนุน "กองทุนหทัยทิพย์" กองทัพบก เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน โดยมี พลเอก อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ 


พลเอก อานุภาพ ได้กราบทูลถวายรายงานรายละเอียดของแผนการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นที่ความจำเป็นเร่งด่วนแรก ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี และกองกำลังบูรพา

โดยได้กราบทูลถวายรายงานว่า จากการสำรวจความต้องการในพื้นที่พบว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดสร้างและปรับปรุงสิ่งป้องกันภัย ประกอบด้วย การปรับปรุงที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ภายในฐานปฏิบัติการของหน่วยทหาร รวมทั้งสิ้น 799 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองกำลังสุรนารี จำนวน 727 แห่ง และ กองกำลังบูรพา จำนวน 72 แห่ง รวมถึงการจัดสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งสิ้น 173 แห่ง กองกำลังสุรนารี จำนวน 167 แห่ง ขนาดความจุ 40 - 60 คน และกองกำลังบูรพา จำนวน 6 แห่ง ขนาดความจุ 40 คน


ในโอกาสนี้ ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กองทัพบก เข้าสนับสนุนการจัดสร้างหลุมบุคคล จำนวน 50 หลุม สำหรับใช้เป็นที่มั่นกำบังของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ และสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน จำนวน 8 แห่ง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลอดภัยให้ประชาชน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อเป็นการดูแลช่วยเหลือ ทั้งทหารและประชาชน อย่างเร่งด่วนสำหรับใช้เป็นต้นแบบในห้วงแรกนี้ก่อน


ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการทหารบก ได้กราบทูลรายงานเพิ่มเติม ถึงแนวทางการก่อสร้างรั้วบริเวณพื้นที่ชายแดนตามที่กองทุนหทัยทิพย์ได้ให้ความสำคัญ และเห็นควรให้การสนับสนุนการสร้างรั้วกำแพงและบังเกอร์นั้น ในส่วนของกองทัพบกพร้อมสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมและวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบด้านต่อไป

 

ทั้งนี้ การก่อสร้างจำเป็นต้องใช้งบประมาณอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยแก่ประชาชน และกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนอย่างยั่งยืน กองทุนหทัยทิพย์ ยังคงเปิดรับการบริจาคสมทบทุน ผ่านช่องทางการบริจาค ดังนี้

  • บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า เลขที่ 229-3-03266-6
  • บัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า เลขที่ 229-4-29977-7
  • หรือสแกน QR Code ระบบ e-Donation ผ่านแอปธนาคาร

 

ข้อมูลการบริจาคจะถูกส่งไปยังกรมสรรพากรอัตโนมัติในนามเจ้าของบัญชีเท่านั้น ผู้บริจาคต้องกด “ยอมรับ” ให้ธนาคารเปิดเผยข้อมูลแก่กรมสรรพากร เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า

 

ขอบคุณ : ทีมโฆษกกองทัพบก , กรมประชาสัมพันธ์