
ดราม่าสนั่นเมืองอุดร "ก้อง ศรันย์" ตำแซบปะทะคารมด่าตำรวจไฟแลบ
เปิดใจ "ก้อง ศรันย์" ตำแซบ ยอมรับผิด ที่ปะทะคารมด่าตำรวจ หลังมีคนร้องเรียนขายส้มตำฟ้อนรำด้วยส่งเสียงดังกลางดึกลั่นตลาด
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับ “ก้อง ศรัณย์” เจ้าของร้าน “ตำแซ่บ” ที่จ.อุดรธานี หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าเปิดเพลงและร้องเพลงเสียงดังยามดึกถึง 03.00-04.00 น. ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามร้านซึ่งเป็นโรงพยาบาล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจนำโดย ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รองสวป.สภ.เมืองอุดรธานี เข้าตรวจสอบและว่ากล่าวตักเตือน ในคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย
ปรากฏภาพขณะตำรวจเข้ามาที่ร้าน พร้อมขอให้หยุดเปิดเพลงเสียงดังและงดจำหน่ายอาหารในช่วงเวลานั้น ซึ่ง “ก้อง ศรัณย์” พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทำให้บรรยากาศตึงเครียด ก่อนเจ้าหน้าที่จะขอให้หยุดพูด เพื่ออธิบายเหตุผลในการเข้าระงับเหตุและให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยจากภาพไลฟ์สดของก้อง ศรัณย์ จะเห็นว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเดินเข้ามาส่องไฟใส่และถามว่า
- ตำรวจ : ตอนนี้กี่โมงแล้ว
- ก้อง ศรัณย์ : ตอนนี้เวลา 02.30 น.
- ตำรวจถามต่อว่า : เมื่อไหร่จะปิดลำโพง ก่อนกล่าวทำนองว่า หรือจะให้จับ
- ก้องศรันย์ ก็ตอบกลับไปว่า จะจับก็จับ
ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด จากนั้นตำรวจพยายามอธิบายว่า ได้รับการร้องเรียนจากโรงพยาบาลใกล้เคียงว่าร้านส้มตำเปิดเกินเวลาเสียงดังรบกวน ขอให้ปิดลำโพงและให้ความร่วมมือ แต่ระหว่างพูดคุย ทั้งสองฝ่ายก็มีปากเสียงกัน เสียงโต้เถียงดังออกมาในไลฟ์สดอย่างชัดเจน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวพบกับ “ก้อง ศรัณย์” เจ้าตัวชี้แจงว่า ตนเป็นคนชอบร้องเพลง เวลาว่างจากการขายส้มตำก็มักจะร้องเพลงเพื่อผ่อนคลาย ยอมรับว่าเสียงอาจดังบ้าง แต่ไม่ได้ตั้งใจรบกวนใคร และเมื่อใดที่ตนทำอะไร ก็มักจะกลายเป็นประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลเสมอ “คนแถวนั้นชอบแจ้งว่าผมร้องเพลงเสียงดัง ส่วนโรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ ถ้ามีการร้องเรียน ตำรวจก็จะลงมาตรวจ เขาก็บอกให้หยุด ซึ่งผมก็หยุด ไม่เคยขัดขืนอะไรแม้แต่ครั้งเดียว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสในโลกออนไลน์ที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าในวันเกิดเหตุ เจ้าตัวอยู่ในอาการมึนเมาหรือเกี่ยวข้องกับสารเสพติดหรือไม่ ก้อง ศรัณย์ ยืนยันชัดว่า “ผมไม่ดื่มของมึนเมาเลยครับ ไม่เคยแตะเหล้า และที่สำคัญผมไม่เสพยาแน่นอน เรื่องนี้ผมยืนยันได้เต็มร้อย” เจ้าของร้านตำแซ่บยังกล่าวถึงเหตุการณ์ในคลิปว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจจะมาตรวจ มีการใช้ไฟส่องหน้าและพูดจาในลักษณะวางอำนาจ ถ้าตำรวจพูดดี ๆ แนะนำตัวเอง และอธิบายเหตุผล คนก็เข้าใจได้ แต่พูดจาเหมือนนักเลง บอกให้หยุดขาย ตนก็เลยมีอารมณ์ขึ้นตามในคลิป ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ขัดขืน แค่โมโหที่พูดกันไม่ดี
ก้อง ศรันย์ ยังกล่าวอีกว่า คลิปที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ไม่ใช่คลิปเต็ม เขาตัดบางส่วน ทำให้คนเข้าใจผิด ถ้าลงคลิปเต็ม ๆ คนจะเห็นว่าผมให้ความร่วมมือ ไม่ได้มีปัญหากับเจ้าหน้าที่ ผมขอตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของตำรวจในพื้นที่ตลาดรถไฟว่า “ทำไมถึงโฟกัสแต่ร้านผม ทั้งที่บริเวณนี้ก็มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งน้ำกระท่อม วัยรุ่นมั่วสุม มียาเสพติด แต่ไม่จัดการ กลับมาจับตาร้านผมเรื่องร้องเพลงเสียงดังแค่ร้านเดียว
ตอนท้ายก้องศรันย์พูดทิ้งท้ายว่า ขอยอมรับผิดในส่วนของตน และขอโทษหากสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน แต่ยืนยันว่าขณะตำรวจเข้ามาตรวจ ตนให้ความร่วมมืออย่างดีและปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างหลังเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ตนจะเป็นหนุ่ม lgbtq แต่มีเชื้อลูกชายหยามกันเกินไป ตนไม่ได้ขัดขืน แค่โมโหตำรวจพูดจาไม่ดีเลยด่าสวนกลับก็แค่นั้น
ซึ่งหลังจากมีเรื่องปะทะคารมกับตำรวจ ทาง“นารา เครปกระเทย” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้โอนเงินมาเหมาส้มตำมูลค่า 5,000 บาท แจกให้ประชาชนบริเวณนั้น สร้างสีสันและเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์อีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียล ทั้งในมุมของความเหมาะสมในการทำกิจการยามค่ำคืน และบทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต่างคนต่างมุมมอง
ด้าน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทน์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากร้อยเวร 20 ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีร้านอาหารเปิดเครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังรบกวน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่าร้านส้มตำดังกล่าวมีการเปิดเพลงเสียงดังจริง ขณะนั้นบริเวณใกล้เคียงมีโรงพยาบาลอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตักเตือนให้ลดเสียง และขอให้งดใช้เครื่องขยายเสียงชั่วคราว แต่เกิดการโต้เถียงกันขึ้นตามคลิปที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียล
ผู้กำกับฯ ยืนยันว่า ขณะที่ตำรวจพูดคำว่า “หยุด” นั้น หมายถึงให้ หยุดใช้เสียง ไม่ได้หมายความว่าให้ หยุดขายของ ตามที่บางส่วนเข้าใจผิด เรื่องนี้ขอยืนยันตำรวจทำหน้าที่หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียจากประชาชน พร้อมฝากเตือนผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการต่าง ๆ หากมีใบอนุญาตประกอบกิจการก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องเสียง ควรคำนึงถึงชุมชนและประชาชนโดยรอบ เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียนในอนาคต
ด้านคุณเจี๊ยบ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านหมาล่า เปิดใจว่า ปกติ “น้องก้องศรัณย์” มักจะร้องเพลงแบบนี้อยู่เป็นประจำ เสียงก็ไม่ได้ดังรบกวน เพราะลำโพงหันไปทางที่จอดรถ ไม่ได้หันเข้าไปยังโรงพยาบาล และ เสียงร้องเพลงของก้องศรัณย์นั้น ไม่ดังมาก “ก็เหมือนคนร้องคาราโอเกะในบ้านธรรมดา”
ยืนยันว่าเสียงไม่ถึงโรงพยาบาลแน่นอน เพราะตนเคยสอบถามพยาบาลแผนกฉุกเฉินที่มาซื้อหมาล่าบ่อย ๆ ก็ได้รับการยืนยันเช่นกันว่า “ไม่เคยได้ยินเสียงเพลงจากฝั่งตลาด” ขอยืนยันเสียงร้องเพลงของก้องศรัณย์ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับพ่อค้าแม่ค้าหรือคนที่มาตลาด แถมบางครั้งยังทำให้หลายคนอดขำไม่ได้ “เพราะเขาร้องไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ แต่ก็สร้างสีสันดี” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสดราม่าที่ก้องศรัณย์มีปากเสียงกับตำรวจ คุณเจี๊ยบให้ความเห็นว่า “ส่วนตัวมองว่าคุณก้องศรัณย์พูดมีเหตุผลนะ เพียงแต่ใช้คำพูดแรงไปหน่อย อาจจะเพราะอารมณ์ในตอนนั้น”