ข่าว

ไขข้อข้องใจ ยายนอนหลับ แต่ทำไมงูเห่ากัดยาย พร้อมวิธีปฐมพยาบาลที่ถูก

ไขข้อข้องใจ ยายนอนหลับ แต่ทำไมงูเห่ากัดยาย พร้อมวิธีปฐมพยาบาลที่ถูก

14 ต.ค. 2568

วิเคราะห์เหตุการณ์ ยายนอนหลับ ทำไมถึงถูกงูเห่ากัดมือจนอาการสาหัส ที่แท้งูเห่าพ่นพิษสยาม พร้อมแนะวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

14 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Kaedehara Pren โพสต์ในกลุ่มนี่ตัวอะไร ระบุถึงเหตุการณ์ยาย 93 ปี นอนอยู่ใต้ถุนบ้านและถูกงูเห่ากัด จนอาการสาหัสว่า 

 

จากเหตุการณ์ "งูเห่ากัดยาย" ที่หลาย ๆ ท่านได้เห็นไป ก็สร้างความสงสัยเป็นอย่างมากว่า งูเห่าอะไรกัด แล้วคุณยายนอนอยู่เฉย ๆ ทำไมงูมันถึงกัดได้ โพสต์นี้มีคำตอบให้อย่างละเอียดค่ะ 

 

1.) “งูอะไรกัดคุณยาย” คำตอบคือ #งูเห่าพ่นพิษสยาม 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘴𝘪𝘢𝘮𝘦𝘯𝘴𝘪𝘴 มีพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเป็นหลัก ซึ่งพิษของเขาใช้ในการล่าเหยื่อและป้องกันตัวเท่านั้น โดยความสามารถของเขาคือสามารถพ่นพิษได้ในระยะ 1-2 เมตร

 

งูเห่าพ่นพิษสยามสามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ เพราะภาคใต้จะพบ #งูเห่าพ่นพิษสุมาตรา 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘴𝘶𝘮𝘢𝘵𝘳𝘢𝘯𝘢 เป็นคนละชนิดกับงูเห่าพ่นพิษสยาม ซึ่งจังหวัดที่เกิดเหตุคือจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดที่มีรายงานพบงูเห่าพ่นพิษสยามอยู่บ่อยครั้ง

 

โดยในประเทศไทยพบงูเห่าอยู่ 4 ชนิด ได้แก่

#งูเห่าไทย 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘬𝘢𝘰𝘶𝘵𝘩𝘪𝘢

#งูเห่าพ่นพิษสยาม 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘴𝘪𝘢𝘮𝘦𝘯𝘴𝘪𝘴

#งูเห่าพ่นพิษสุมาตรา 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘴𝘶𝘮𝘢𝘵𝘳𝘢𝘯𝘢

#งูเห่าภูเขา 𝘕𝘢𝘫𝘢 𝘧𝘶𝘹𝘪

 

ทั้ง 4 ชนิดนี้มีพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเป็นหลัก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

2.) “ทำไมงูถึงกัดคุณยาย” คำตอบคือ งูเห่าตัวดังกล่าวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของคุณยายขณะที่คุณยายกำลังนอนอยู่ เป็นปกติของคนเราที่เวลานอนจะต้องมีขยับตัวกันบ้าง แต่ด้วยความที่งูเป็นสัตว์ที่สายตาไม่ดี เขาจึงโฟกัสจากสิ่งที่เคลื่อนไหว สิ่งใดที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาและมีการเคลื่อนไหวไปมาจะทำให้งูคิดว่าสิ่งนั้นคือภัยคุกคาม

 

หากสังเกตดี ๆ ในตอนที่คุณยายยังไม่ขยับตัว งูเห่านั้นยังเลื้อยอยู่ปกติ ไม่มีท่าทีก้าวร้าวหรือจะฉกกัด แต่ทันทีที่คุณยายขยับแขน ทำให้งูตกใจและแผ่แม่เบี้ยเตือน ซึ่งหากมองละเอียดอีกนิด จะสังเกตเห็นว่าจังหวะที่งูเห่าแผ่แม่เบี้ยนั้น ตรงกับจังหวะที่คุณยายขยับมือพอดี จากนั้นงูตัวดังกล่าวก็เลื้อยไปที่มือของคุณยาย คาดว่าไปดมกลิ่นเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย

 

ซึ่งงูเป็นสัตว์ที่มีจมูกไว้ใช้การหายใจเท่านั้น การรับกลิ่นของเขาจึงเป็นการแลบลิ้นตลอดเวลา เพื่อให้โมเลกุลกลิ่นมาสัมผัสกับปลายลิ้น จากนั้นงูจะหดลิ้นกลับไปเข้าและส่งโมเลกุลดังกล่าวไปที่ร่องรับกลิ่น หรือที่เรียกว่า Jacobson organ เพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นกลิ่นของอะไร

 

ชมคลิป คลิก 

บางท่านสงสัยว่า “งูเห่าจับความร้อนได้จากผิวคุณยายรึเปล่า” คำตอบคือ ไม่ค่ะ งูเห่าไม่มีรูรับความร้อน หรือที่เรียกว่า Pit organ โดยในประเทศไทยมีงูที่มี Pit organ ได้แก่ งูเหลือม งูหลาม งูกะปะ และกลุ่มงูเขียวหางไหม้ค่ะ สำหรับงูเห่าจึงใช้การรับกลิ่นและโฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวเป็นหลัก

 

ขณะเดียวกัน คุณยายคงรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาสะกิดโดนมือ คาดว่าเป็นลิ้นของงูที่ยื่นมารับกลิ่น คุณยายก็เลยขยับมืออีกหลาย ๆ ครั้ง ทำให้งูนั้นตกใจและฉกเข้าที่ปลายนิ้วของคุณยาย จึงเป็นเหตุผลว่าคุณยายนอนอยู่ดี ๆ ทำไมจึงถูกงูฉกได้ค่ะ

 

3. “ปฐมพยาบาลอย่างไรเมื่อถูกงูกัด”  คำตอบคือ อันดับแรกต้องตั้งสติก่อน และรีบล้างแผลให้สะอาด หากงูที่กัดยังอยู่ในบริเวณนั้นให้รีบถ่ายภาพเอาไว้ แต่ถ้าหายไปแล้วก็ไม่ต้องตามหา และขยับส่วนที่โดนกัดให้น้อยที่สุด ใช้กิ่งไม้หรือด้ามอะไรแข็ง ๆ ดามไว้ได้ก็จะดีมาก แต่ ณ ตอนนั้นหากหาไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียเวลาหานะคะ รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และเพื่อความปลอดภัยควรมีใครสักคนพาไปค่ะ เพราะหากไปคนเดียวและหมดสติกลางทางจะทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 

 

คำเตือน ห้ามดูดพิษ ห้ามขันชะเนาะ ห้ามเอาสมุนไพรหรือมะนาวทา ห้ามรนแผลด้วยไฟ ห้ามกรีดแผล 

 

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วให้นำรูปงูให้แพทย์ดู หรือระหว่างทางจะนำรูปมาโพสต์ถามชนิดในกลุ่มนี่ตัวอะไรก็ได้ แต่หากเป็นเคสฉุกเฉินเช่นนี้ขอให้ส่งรูปมาถามทาง Open Chat นี่ตัวอะไร จะดีกว่าเพื่อความรวดเร็วไม่ต้องรออนุมัติ และหากแพทย์ไม่ให้เซรุ่มก็ไม่ต้องตกใจหรือโวยวายไปนะคะ เพราะเซรุ่มต้านพิษงูไม่ใช่จะฉีดให้ใครก็ได้ บางคนมีอาการแพ้เซรุ่ม หากฉีดเข้าไปจะทำให้เป็นอันตรายเข้าไปใหญ่ การรักษาของแพทย์ในเบื้องต้นจึงเป็นการรักษาตามอาการ

 

4.) “ป้องกันอย่างไรไม่ให้งูเข้าบ้าน” คำตอบคือ จัดการบริเวณบ้านก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหากบริเวณบ้านมีความรก จะทำให้เกิดเป็นแหล่งหลบภัยและแหล่งอาหารของงู เช่น หนู กบ คางคก ฯลฯ และงูเป็นสัตว์ที่ขี้กลัว เขาจึงต้องหาที่รก ๆ เพื่อเข้าไปซ่อนและหลบสายตาจากนักล่า

 

หากมีช่องโหว่ในบ้านให้ปิดช่องและอุดรูให้หมด ไม่ว่าจะเป็นรูตามกำแพงหรือช่องใต้โพรงบ้าน เพราะจะทำให้เป็นทางผ่านของงูและงูอาจเข้ามาหลบภัยในบริเวณบ้านเราได้ หรือจะใช้ตาข่ายช่องเล็กล้อมรอบบ้านไว้ก็ป้องกันได้ดีเช่นกัน

 

หรือลงทุนหน่อยคือการสร้างกำแพงสูง ๆ สภาพดีไม่แตกง่าย เพราะมันยังสามารถป้องกันอย่างอื่นนอกจากงูได้ด้วย และหากมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในที่รกร้าง แนะนำให้ลงทุนซื้อรองเท้าบูทหนา ๆ ดี ๆ สักคู่ จะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่งค่ะ

 

  •  พืชพันธุ์ไม้กันงูไม่ช่วย ผงไล่งูไม่ช่วย มะนาวไม่ช่วย ขี้เถ้าไม่ช่วย กำมะถันไม่ช่วย กรวดและหินเกล็ดไม่ช่วย น้ำมันต่าง ๆ ไม่ช่วย

 

เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้หลาย ๆ คนเป็นห่วงสมาชิกในครอบครัวอย่างมาก บ้างก็บอกว่าหากเจอแบบนี้กับคนในครอบครัวคงไม่เอางูไว้ ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล แน่นอนว่าแอดมินหรือใครก็ตามไม่มีใครสามารถห้ามได้

 

แต่อยากบอกว่างูเห่าเขาเป็นงูที่มีประโยชน์มาก ๆ ถึงแม้เขาจะมีพิษอันตรายถึงชีวิต แต่หากเราไม่ทำให้เขาตกใจก่อน (ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่) เขาก็ไม่ทำอะไรเราแน่นอน

 

เขาเป็นงูที่มีความสำคัญทางการแพทย์ไทยอย่างมาก พิษของเขานำมาทำเป็นเซรุ่มต้านพิษงู และตัวของเขาเองยังสามารถช่วยควบคุมประชากรสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู ได้ดีมาก ๆ เลย อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารให้กับผู้ล่าชนิดอื่น เช่น งู นก เสือ ฯลฯ การที่เราทำร้ายเขาโดยไม่จำเป็น อาจทำให้สูญเสียประชากรงูไปจากระบบนิเวศ 1 ชีวิตค่ะ

 

เขาไม่ได้อยู่ผิดที่ผิดทาง ทุกสถานที่เคยเป็นป่า เคยเป็นบ้านของเขามาก่อน เขาเป็นสัตว์ป่าและอยู่มาก่อนเรา เขาก็แค่ปรับตัวให้เข้ากับชุมชนในปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็อยากให้คนเราได้ปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับเขาด้วย และอยากย้ำเตือนอีกครั้งว่ากลุ่มนี่ตัวอะไร ไม่ใช่พื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นยุยงให้กำจัดสัตว์ท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ๆ อยู่แล้วทั้งสิ้น อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงมุม ฯลฯ หากท่านใดแสดงความคิดเห็นแนวนี้ในพื้นที่ของกลุ่ม จะถูกแบนถาวรทุกกรณี

 

นอกจากนี้ยังระบุว่า  ข้อมูลเพิ่มเติมจากอาจารย์น็อต

ในข้อ 2.) เคสนี้เป็นกรณีงูเข้าใจว่าเป็น “เหยื่อ” งูเขาไม่รู้หรอกว่าที่กระดุกกระดิก เป็นอวัยวะของคุณยายที่ตัวใหญ่กว่า รูปแบบการเลื้อยนั้นเป็นการเลื้อยหาอาหาร

 

เพราะเขาค่อย ๆ เลื้อยแล้วแลบลิ้นเช็กอาหารไปเรื่อย ๆ เมื่อเจอนิ้วที่กระดิกได้เขาก็เริ่มสนใจ แผ่แม่เบี้ยเบา ๆ หรืออาจไม่แผ่เลยก็ได้ ยกหัวแล้วก้มมองจิกไปที่เป้าหมาย พอเข้าโหมดนี้เขาจะเชื่อสายตาตัวเองมากขึ้น พอนิ้วขยับจังหวะที่สามเขาจึงกัดกดที่นิ้ว ซึ่งกรณีนี้อันตรายมาก เพราะเขาจะปล่อยพิษระดับสังหารนิ้ว และพยายามคาบติด

 

เมื่อคุณยายสะบัดมือ เขาก็รู้ว่าเหยื่อแรงมากจึงปล่อย หากเป็นเหยื่อจริง เขาจะปล่อยให้หนีไปก่อนแล้วค่อยตามเก็บหลังในตอนที่เหยื่ออ่อนแรงค่ะ

 

และงูสามารถรับกลิ่นที่ลอยอากาศทางจมูกได้เช่นกัน ส่วนลิ้นก็ได้ทั้งทางอากาศและร่องรอยเคมีที่ติดพื้นผิวหรือวัสดุได้ เพราะไปเจอเอกสารน่าจะปี 1995 ที่ทำด้าน anatomy พบว่าที่โพรงจมูกมีเซลล์ที่รับกลิ่น และ Jaco[son}s organ ก็เชื่อมโยงทั้งช่องปากตอนบนและโพรงจมูกตอนล่างค่ะ